แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 51
1
โรคปอดอักเสบ อย่าปล่อยให้รุนแรง

โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) คือภาวะที่ปอดเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ ทำให้ถุงลมในปอดเต็มไปด้วยของเหลว ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้


สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรค

โรคปอดอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งมีหลายชนิด ดังนี้

แบคทีเรีย: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด สามารถเกิดขึ้นได้เอง หรือเกิดขึ้นหลังจากเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่

ไวรัส: เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไวรัส RSV, และไวรัส SARS-CoV-2 (โควิด-19)

เชื้อรา: พบได้น้อยกว่าและมักเกิดขึ้นในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ


อาการที่ต้องเฝ้าระวัง

อาการของโรคปอดอักเสบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วมักมีอาการดังนี้

ไอมีเสมหะ: อาจมีเสมหะสีเหลือง เขียว หรือมีเลือดปน

ไข้สูง และหนาวสั่น: เป็นอาการที่พบบ่อยในช่วงแรก

หายใจหอบเหนื่อย: หายใจสั้น หายใจลำบาก หรือรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง

เจ็บหน้าอก: โดยเฉพาะเมื่อหายใจเข้าลึกๆ หรือเวลาไอ

อ่อนเพลีย: รู้สึกไม่มีแรง และเบื่ออาหาร


อันตรายและภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา โรคปอดอักเสบอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด: ของเหลวสะสมในเยื่อหุ้มปอด ทำให้หายใจลำบากมากขึ้น

ภาวะหายใจล้มเหลว: ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้เพียงพอ ทำให้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด: เชื้อโรคจากปอดเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต


การป้องกันที่ทำได้ด้วยตัวเอง

ฉีดวัคซีน: การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และวัคซีนนิวโมคอคคัส (Pneumococcal Vaccine) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคปอดอักเสบ

ล้างมือให้บ่อย: เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อโรคต่างๆ

รักษาสุขภาพให้แข็งแรง: ทานอาหารที่มีประโยชน์, ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำลายปอด

การรู้ทันอาการและรู้จักการป้องกันจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคปอดอักเสบได้ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ

2
จัดฟันบางนา: ฟันคุดคืออะไร

สุขภาพช่องปากและฟันถือเป็นเรื่องสำคัญของคนเรา จะต้องดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอและควรเอาใจใส่ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปาก เพราะถ้าหากเป็นปัญหาเกี่ยวข้องกับสุขภาพช่องปากและฟันแล้วจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการบดเคี้ยวอาหาร การพูดคุยหรือแม้กระทั่งการพบปะผู้คน ซึ่งอาจจะทำให้เราเสียบุคลิกภาพ ขาดความมั่นใจ และยังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพโดยรวมด้วย ปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ส่วนใหญ่ที่มักพบได้บ่อยคือ ฟันผุ ซึ่งฟันผุเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การทำความสะอาดฟันที่ไม่ดี การรับประทานอาหารที่มีรสหวานมากจนเกินไป ซึ่งสาเหตุเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดฟันผุได้ นอกจากนี้ ปัญหาในเรื่องของฟันคุดก็มักพบได้บ่อยเช่นเดียวกัน ซึ่งฟันคุดเป็นฟันที่ไม่สามารถขึ้นมาได้ตามปกติ เนื่องจากอาจจะมีสิ่งที่ขัดขวางการขึ้นของฟันซี่นั้น เช่นความหนากระดูกฟันบางซี่หรือทิศทางการขึ้นของฟันที่ผิดปกติ ฟันคุดโดยส่วนใหญ่เกิดจาก ขนาดของขากรรไกรไม่สัมพันธ์กับขนาดของฟัน

ซึ่งสาเหตุของฟันคุดส่วนใหญ่มาจากขนาดของขากรรไกร ถ้าขนาดของขากรรไกรเล็กแต่ขนาดฟันโต จึงทำให้ฟันไม่สามารถขึ้นมาในช่องปากได้ ทำให้เกิดเป็นฟันคุดจะส่งผลทำให้เรามีอาการเจ็บปวด แต่ก็รักษาได้ด้วยการผ่าฟันคุด ซึ่งหลายคนเคยผ่านการผ่าฟันคุดมาแล้ว โดยการผ่าฟันคุดนั้น เป็นการผ่าตัดทางทันตกรรมเพื่อนำฟันที่ไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติออก โดยฟันซี่นั้นจะฝังตัวอยู่ใต้เนื้อเยื่อของและบริเวณกระดูกขากรรไกร ซึ่งจะผ่านการผ่าตัดจะเกิดขึ้นเมื่อฟันที่ฝังตัวอยู่นั้นส่งผลกระทบต่อฟันซี่ฟันบริเวณข้างเคียง ทำให้มีอาการปวดและเกิดการอักเสบติดเชื้อขึ้นได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักจะพบได้บ่อย ดังนั้น ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงฟันคุดว่าคืออะไร ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบและจะพูดถึงการก่อให้เกิดปัญหาอันเนื่องมาจากฟันคุด เพื่อให้เราได้ทราบว่าควรรับมือกับการที่มีฟันคุดอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากที่อาจจะตามมาในอนาคต

ฟันคุดคือฟันแท้ที่ไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติและมักฝังตัวอยู่ที่ขากรรไกรบริเวณใต้เหงือก ด้วยฟันคุดจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากตัวฟันไม่ได้โผล่ขึ้นมาเหนือเหงือก ซึ่งทันตแพทย์จะต้องใช้การเอ็กซเรย์จึงจะสามารถมองเห็นได้  โดยปกติแล้วฟันคุดที่เกิดขึ้นอาจจะโผล่ขึ้นมาเหนือเหงือก เมื่อโตขึ้นได้และส่งผลให้เกิดแรงดันทำให้เรามีอาการปวดบริเวณฟันคุด จนอาจจะต้องทำการผ่าตัดเพื่อนำออกมา

โดยการผ่าตัดฟันคุดเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง เพื่อนำฟันออกมา ปกติแล้วหากฟันที่ฝังตัวอยู่นั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงจนเกินไป ทันตแพทย์อาจจะรักษาด้วยการตกแต่งเนื้อเยื่อโดยรอบ โดยไม่ต้องเข้ารับการถอนฟันและอาจจะแนะนำในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันให้แก่ผู้เข้ารับการรักษา เช่น ถ้าหากมีอาการอักเสบบริเวณเหงือกที่ทำให้เกิดอาการเจ็บขณะจัดฟันทันตแพทย์อาจจะทำการรักษาเนื้อเยื่อบริเวณที่อักเสบหรือแนะนำให้เปลี่ยนวิธีการแปรงฟันและอาจจะให้ผู้เข้ารับการรักษาใช้ไหมขัดฟัน เพื่อทำความสะอาดซอกฟันด้านหน้าและด้านหลังของฟันคุด เพราะจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพที่ดีขึ้นและหลีกเลี่ยงการเกิดโรคเหงือกอักเสบบริเวณรอบรอบฟันคุดได้ ซึ่งหากพูดถึงการผ่าฟันคุด


หลายคนรู้สึกกลัวแต่การผ่าตัดฟันคุดนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ถ้าหากปล่อยไว้ไม่ยอมผ่าออกก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากและฟันได้ ในหลายๆด้าน เพราะฉะนั้น การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆก็จะเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวท่านเอง เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานๆและเกิดการอักเสบติดเชื้อ ก็อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อบริเวณฟันซี่อื่นๆได้ เพราะถ้าหากฟันคุดทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันอย่างชัดเจน ทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้ผ่าออกซึ่งสาเหตุที่อาจจะทำให้แพทย์พิจารณาให้ผู้เข้ารับการรักษาผ่าฟันคุดก็ต่อเมื่อฟันคุดและสร้างความเสียหายให้แก่ฟันซี่อื่น เพราะฟันคุดที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อฟันโดยรอบได้ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดภายในช่องปากได้

นอกจากนี้ ความเสียหายที่ขากรรไกรก็อาจจะทำให้ได้รับความอันตรายเพราะฟันคุดอาจก่อให้เกิดถุงน้ำรอบๆและอาจทำให้บริเวณขากรรไกรนั้นถูกทำลายจนเป็นหลวมส่งผลให้ทำลายเส้นประสาทที่บริเวณขากรรไกรได้ นอกจากนี้ในเรื่องของโรคเหงือกอักเสบก็มีสาเหตุมาจากฟันคุดได้เช่นเดียวกัน เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆฟันคุด เกิดการอักเสบก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดอาการบวมและยากต่อการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ส่งผลให้ผู้เข้ารับการรักษาเกิดการฟันผุ

ซึ่งอาการเหงือกบวมจากฟันคุดจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันและทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปเจริญเติบโตภายในช่องปากและก่อให้เกิดโรคฟันผุตามมา สำหรับผู้ที่เข้ารับการจัดฟัน ฟันคุดก็สามารถส่งผลกระทบต่อการจัดฟันได้จนทำให้ผลการรักษาหรือผลการจัดฟัน ครอบฟันหรือการใช้ฟันปลอมไม่เป็นไปตามที่ต้องการ เพราะฉะนั้น การพิจารณาของทันตแพทย์ว่าจะทำการผ่าตัดหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากหลายๆปัจจัยจะต้องตรวจดูรูปร่างของช่องปากและตำแหน่งของฟันคุด รวมทั้งต้องคำนึงถึงอายุของผู้เข้ารับการรักษาด้วย ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหมั่นเอาใจใส่ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคเกี่ยวกับช่องปากหรือปัญหาเกี่ยวกับฟันที่อาจจะเกิดขึ้นได้


ถ้าหากเราทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี ก็จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภายในช่องปากได้ และที่สำคัญเราควรเข้าพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อเข้ารับการทำความสะอาดช่องปากและฟัน รวมไปถึงจะได้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของสุขภาพช่องปากและฟันของเราเพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและทันเวลา หากใครมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้จากทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันจึงทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

3
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)

ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
ที่เที่ยวไทย ในกรุงเทพ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขอพรเจ้าแม่หม่าโจ้ว

หากคุณต้องการไปขอพรเจ้าแม่หม่าโจ้วริมแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่ที่คุณมองหาคือ ล้ง 1919 (Lhong 1919) ค่ะ

ล้ง 1919 เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย-จีนริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งคลองสาน ซึ่งเดิมเคยเป็นท่าเรือกลไฟและโกดังสินค้าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และภายในยังมี ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว ที่ชาวจีนให้ความเคารพนับถือในฐานะเทพผู้คุ้มครองการเดินเรือและประทานพรด้านการค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง


จุดเด่นของที่นี่คือ

สถาปัตยกรรมจีนโบราณ: อาคารไม้เก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม ทำให้เหมาะกับการถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง

ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว 3 ปาง: ที่นี่มีองค์เจ้าแม่หม่าโจ้ว 3 ปาง ซึ่งแต่ละปางจะประทานพรที่แตกต่างกัน ทั้งด้านความรัก การเดินทาง การงาน การเงิน และสุขภาพ

บรรยากาศริมน้ำ: คุณสามารถเดินเล่นชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างสบายๆ และยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ให้ได้นั่งพักผ่อนอีกด้วย


ข้อมูลเพิ่มเติม:

ที่ตั้ง: 248 ถนนเชียงใหม่ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ

เวลาทำการ:

วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี: 08:00 - 18:00 น.

วันศุกร์ - วันอาทิตย์: 08:00 - 22:00 น.

6
สร้างรายได้ จากเมนูกุ้งทอดกระเทียมความอร่อยแบบไทยคลาสสิก เนื้อหวานกรอบอร่อย หอมกลิ่นกระเทียมทอด

ประเทศไทยมีชื่อเสียงในด้านมรดกทางอาหารอันล้ำค่าและอาหารจานหนึ่งที่โดดเด่นด้วยความเรียบง่ายและรสชาติที่เข้มข้นก็คือกุ้งทอดกระเทียมอาหารไทยสุดโปรดจานนี้ผสมผสานกุ้งสดเนื้อฉ่ำกับกระเทียมทองกรอบเพื่อความสมดุลของเนื้อสัมผัสและรสชาติที่ไม่อาจต้านทานได้ กุ้งทอดกระเทียมเป็นอาหารไทยยอดนิยมที่ทำจากกุ้งสดนำไปทอดกับกระเทียม ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมทำได้ง่าย

อะไรที่ทำให้กุ้งทอดกระเทียมพิเศษ?
เคล็ดลับของเมนูนี้อยู่ที่กระเทียมหอมๆ ที่เมื่อทอดแล้วจะกรอบพอดีๆ กุ้งปรุงรสอ่อนๆ แล้วผัดจนสุกกำลังดี เนื้อกุ้งยังคงความชุ่มฉ่ำด้านในและมีเปลือกที่กรอบอร่อย ส่วนผสมของกุ้งรสเผ็ด กระเทียมหอมๆ และรสหวานเล็กน้อยทำให้เมนูนี้เป็นที่ชื่นชอบทั้งในหมู่คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

วัตถุดิบ:
กุ้งสดปอกเปลือกและล้างไส้ออก
กระเทียมสับละเอียด
ซีอิ๊วขาว
ซอสหอยนางรม
น้ำตาล
พริกไทย
น้ำมันปรุงอาหาร

วิธีทำกุ้งทอดกระเทียม:
เตรียมกุ้ง:ทำความสะอาดและซับกุ้งให้แห้งเพื่อให้แน่ใจว่าทอดได้ทั่วถึงกัน
ผัดกระเทียม:ตั้งน้ำมันให้ร้อนในกระทะแล้วผัดกระเทียมสับจนเป็นสีเหลืองทอง ตักออกจากกระทะแล้วพักไว้
ผัดกุ้ง:ใส่กุ้งลงในกระทะใบเดิม ผัดกับซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม น้ำตาล และพริกไทย ผัดจนกุ้งเปลี่ยนเป็นสีชมพูและมีคาราเมลเล็กน้อย
ผสมให้เข้ากัน:โรยกระเทียมกรอบกลับลงบนกุ้งแล้วผสมให้เข้ากัน
เสิร์ฟ:ตกแต่งด้วยผักชีสดและรับประทานกับข้าวหอมมะลินึ่ง

คำแนะนำการเสิร์ฟ
กุ้งทอดกระเทียมเข้ากันได้ดีกับข้าวสวยร้อนๆ สักถ้วย สำหรับมื้ออาหารที่ครบถ้วน ให้เสิร์ฟคู่กับซุปไทยรสเผ็ด เช่นต้มยำหรือส้มตำสดๆ

ทำไมคุณถึงควรลอง
เมนูนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนรักอาหารทะเลและผู้ที่ต้องการอาหารมื้อด่วนที่รสชาติอร่อย กระเทียมกรอบช่วยเพิ่มความกรุบกรอบให้กับจาน ขณะที่กุ้งฉ่ำๆ ให้ความอร่อยที่แสนอร่อยในทุกคำที่กัด หากคุณชื่นชอบอาหารไทย อย่าพลาดที่จะลองชิมหรือทำกุ้งทอดกระเทียมซึ่งเป็นเมนูที่เรียบง่าย อร่อย และอัดแน่นไปด้วยรสชาติแบบต้นตำรับ


7
หมอออนไลน์: กระดูกพรุน (Osteoporosis)

โรคกระดูกพรุน คือ ภาวะที่มีปริมาณแร่ธาตุ (ที่สำคัญคือแคลเซียม) ในกระดูกลดลง ร่วมกับความเสื่อมของเนื้อเยื่อที่ประกอบเป็นโครงสร้างภายในกระดูก ทำให้เนื้อหรือมวลกระดูกลดความหนาแน่น จึงเปราะและแตกหักง่าย บริเวณที่พบการหักของกระดูกได้บ่อย ได้แก่ ข้อมือ สะโพก และสันหลัง

โรคที่พบมากในคนสูงอายุ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2 เท่า และผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคกระดูกพรุน จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป

สาเหตุ

กระดูกประกอบด้วย โปรตีน คอลลาเจน และแคลเซียม โดยมีแคลเซียมฟอสเฟตเป็นตัวทำให้กระดูกแข็งแรง ทนต่อแรงดึงรั้ง

กระดูกมีการสร้างและสลายตัวอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ ขณะที่มีการสร้างกระดูกใหม่โดยใช้แคลเซียมจากอาหารที่กินเข้าไป ก็มีการสลายแคลเซียมในเนื้อกระดูกเก่าออกมาในเลือดและถูกขับออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ ปกติในเด็กจะมีการสร้างกระดูกมากกว่าการสลาย ทำให้กระดูกมีการเจริญเติบโต มวลกระดูกจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนมีความหนาแน่นสูงสุด เมื่ออายุประมาณ 30-35 ปี หลังจากนั้นจะเริ่มมีการสลายกระดูกมากกว่าการสร้าง ทำให้กระดูกค่อย ๆ บางตัวลงตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงช่วงหลังวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมีการลดลงของฮอร์โมนเอสโทรเจนอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนชนิดนี้ช่วยการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายและชะลอการสลายของแคลเซียมในเนื้อกระดูก เมื่อพร่องฮอร์โมนชนิดนี้ก็จะทำให้กระดูกบางตัวลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดภาวะกระดูกพรุน

ดังนั้น โรคกระดูกพรุนส่วนใหญ่จึงเกิดจากภาวะหมดประจำเดือนในผู้หญิง (ซึ่งจะเริ่มมีอัตราเร่งของการสลายตัวของกระดูกในช่วง 10-20 ปี หลังหมดประจำเดือน) และความเสื่อมตามอายุที่มีการสะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยาวนานของการเสียดุลระหว่างการสร้างและการสลายของกระดูก (พบได้ทั้งชายและหญิงที่มีอายุมากกว่า 75 ปี)

นอกจากนี้ยังอาจพบร่วมกับภาวะอื่น ๆ เรียกว่า กระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ (secondary osteoporosis) เช่น

    ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานเกิน เบาหวาน โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เอลแอลอี โรคตับเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง มะเร็ง (เต้านม เม็ดเลือดขาว ต่อมน้ำเหลือง)
    ภาวะขาดสารอาหารและแคลอรี ภาวะขาดแคลเซียม
    น้ำหนักน้อย (ผอม)
    การใช้ยาติดต่อกันนาน ๆ เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ (เช่น ฟูโรซีไมด์) ยาลดการสร้างกรดกลุ่มยับยั้งโปรตอนปั๊มป์ (เช่น โอเมพราโซล) ยากันชัก(เช่น เฟนิโทอิน ฟีโนบาร์บิทาล) เฮพาริน หรือใช้ฮอร์โมนไทรอยด์มากเกิน
    การไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายนาน ๆ (เช่น ผู้ป่วยที่นอนแบ็บอยู่บนที่นอนตลอดเวลา) การสูบบุหรี่ (ทำให้เอสโทรเจนในเลือดลดลง)
    การเสพติดแอลกอฮอล์
    การสูบบุหรี่

นอกจากนี้ ยังพบว่าโรคนี้มีความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ และบางครั้งอาจพบในคนอายุไม่มากโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจนก็ได้
 

อาการ

ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการแสดง จนกระทั่งเกิดภาวะกระดูกหัก ก็จะเกิดอาการเจ็บปวด หรือความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก เช่น ปวดข้อมือ สะโพก หรือหลัง (เนื่องจากกระดูกข้อมือ สะโพก หรือสันหลังแตกหัก) ส่วนสูงลดลงจากเดิม (เนื่องจากการหักและยุบตัวของกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว) เป็นต้น

ถ้าเป็นโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิก็อาจมีอาการแสดงของโรคที่เป็นสาเหตุ


ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญคือ กระดูกหัก อาจทำให้เกิดความพิการเดินไม่ได้ หรือหลังโกงหลังค่อม

ในรายที่กระดูกสะโพกหัก ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ ถ้าจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลังผ่าตัดได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ถ้ามีภาวะกระดูกหักเฉียบพลัน เช่น ตกจากที่สูง หกล้ม ก็จะตรวจพบอาการเจ็บปวด บวม หรือกระดูกบิดเบี้ยว หรือขยับเขยื้อนไม่ได้

ถ้ากระดูกสันหลังแตกหัก หรือยุบตัวแบบเรื้อรัง (มักเกิดจากแรงกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย โดยที่ผู้ป่วยอาจไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไร) ผู้ป่วยจะมีส่วนสูงลดลง หรือหลังโกงหลังค่อม

นอกจากนี้อาจตรวจพบอาการของโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเอกซเรย์กระดูกตรวจความหนาแน่นของกระดูก (bone mineral density) ด้วยเครื่องตรวจโดยเฉพาะ เช่น การตรวจด้วยวิธี DXA (dual-energy X-ray absorptiometry) การตรวจอัลตราซาวนด์กระดูกส้นเท้า (calcaneal ultrasonography) เป็นต้น นอกจากนี้ อาจทำการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อค้นหาสาเหตุในรายที่สงสัยว่ามีโรคหรือภาวะอื่นร่วมด้วย


การรักษาโดยแพทย์

สำหรับผู้ป่วยที่มีกระดูกพรุนโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะให้กินแคลเซียม เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต และอาจให้วิตามินดีร่วมด้วย ในรายที่อยู่แต่ในที่ร่ม (ไม่ได้รับแสงแดด) ตลอดเวลา

สำหรับหญิงหลังวัยหมดประจำเดือน แพทย์อาจพิจารณาให้ฮอร์โมนเอสโทรเจนทดแทน

สำหรับผู้ชายสูงอายุที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนร่วมด้วย อาจต้องให้ฮอร์โมนชนิดนี้เสริม

นอกจากนี้ อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นการดูดซึมแคลเซียม และ/หรือยาลดการสลายกระดูกเพิ่มเติมแก่ผู้ป่วยบางราย เช่น ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนต (bisphosphonate), แคลซิโทนิน (calcitonin)

หากไม่ได้ผลหรือใช้ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนตไม่ได้ แพทย์อาจให้ยาชนิดใหม่ เช่น ดีโนซูแมป (denosumab), เทริพาราไทด์ (teriparatide)

ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยาเป็นประจำ แพทย์จะนัดมาตรวจเป็นระยะ อาจต้องทำการตรวจกรองมะเร็งเต้านมและปากมดลูก (สำหรับผู้ที่กินเอสโทรเจน) ปีละ 1 ครั้ง ตรวจความหนาแน่นของกระดูกทุก 2-3 ปี เอกซเรย์ในรายที่สงสัยมีกระดูกหัก เป็นต้น

ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระดูกหัก ก็ให้รักษา เช่น การเข้าเฝือก การผ่าตัด การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น

ในรายที่มีโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ ก็ให้การรักษาไปพร้อม ๆ กัน


การดูแลตนเอง

ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ หญิงวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดนาน ๆ (เช่น ยาสเตียรอยด์ ยากันชัก) เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจกรองโรคกระดูกพรุน

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคกระดูกพรุน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    งดบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด
    ระมัดระวังอย่าให้หกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุ ทำให้กระดูกหัก เช่น แก้ไขภาวะความดันตกในท่ายืน หรือสายตามัว (เช่น ต้อกระจก) หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้ง่วงนอน หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง (เช่น ยากล่อมประสาท) และควรจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย (เช่น บันไดที่ขึ้นลง แสงสว่าง ห้องน้ำ พื้นต่างระดับ ราวเกาะยึด เป็นต้น)


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดข้อ หรือปวดหลังเฉียบพลัน หรือสงสัยกระดูกหัก
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. กินแคลเซียมให้เพียงพอทุกวัน* อาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นม เนยแข็ง ปลาที่กินได้ทั้งกระดูก (เช่น ปลาไส้ตัน) กุ้งแห้ง เต้าหู้แข็ง ถั่วแดง ผักสีเขียวเข้ม (เช่น คะน้า ใบชะพลู) งาดำคั่ว

แนวทางปฏิบัติ สำหรับเด็กและวัยรุ่นควรดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุดื่มนมวันละ 1-2 แก้วเป็นประจำ จะทำให้ได้รับแคลเซียมร้อยละ 50 ของปริมาณที่ต้องการ ส่วนแคลเซียมที่ยังขาดให้กินจากอาหารแหล่งอื่น ๆ ประกอบ

ผู้ใหญ่บางคนที่มีข้อจำกัดในการดื่มนม (เช่น มีภาวะไขมันในเลือดสูง อ้วน เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด) ให้เลือกกินเนยแข็ง นมเปรี้ยว นมพร่องมันเนย แทน หรือบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงในแต่ละมื้อให้มากขึ้น

2. ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังที่มีการถ่วงหรือต้านน้ำหนัก (weight bearing) เช่น การเดิน การวิ่ง เต้นแอโรบิก กระโดดเชือก รำมวยจีน เต้นรำ เป็นต้น ร่วมกับการยกน้ำหนัก จะช่วยให้มีมวลกระดูกมากขึ้น และกระดูกมีความแข็งแรง ทั้งแขน ขา และกระดูกสันหลัง

3. รับแสงแดด ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างกระดูก ในบ้านเราคนส่วนใหญ่จะได้รับแสงแดดเพียงพออยู่แล้ว นอกจากในรายที่อยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา ก็ควรจะออกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าหรือยามเย็น วันละ 10-15 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน ถ้าอยู่แต่ในที่ร่ม ไม่ถูกแสงแดด อาจต้องกินวิตามินดีเสริม

4. รักษาน้ำหนักตัวอย่าให้ต่ำกว่าเกณฑ์ (ผอมเกินไป) เพราะคนผอมจะมีมวลกระดูกน้อย เสี่ยงต่อกระดูกพรุนได้

5. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน เช่น

    ไม่กินอาหารประเภทโปรตีนหรือเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะอาหารพวกนี้จะกระตุ้นให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากเกินปกติ
    ไม่กินอาหารเค็มจัดหรืออาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะเกลือโซเดียมจะทำให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง และเพิ่มการขับแคลเซียมทางไตมากขึ้น
    ไม่ดื่มน้ำอัดลมปริมาณมาก เพราะกรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมทำให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น
    หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลตในปริมาณมาก เพราะแอลกอฮอล์และกาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านี้จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของลำไส้เล็ก (กาแฟไม่ควรดื่มเกินวันละ 3 แก้ว แอลกอฮอล์ไม่เกินวันละ 2 หน่วยดื่ม ซึ่งเทียบเท่าแอลกอฮอล์สุทธิ 30 มล.)
    งดการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่กระตุ้นให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น (เนื่องจากลดระดับเอสโทรเจนในเลือด)
    ระวังการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ซึ่งจะเร่งการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย


6. รักษาโรคหรือภาวะที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง
 
* สำหรับคนไทยซึ่งมียีนที่ควบคุมการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เล็กได้ดีกว่าชาวตะวันตก และได้รับแสงแดดช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้ตลอดปี มีความต้องการปริมาณแคลเซียมน้อยกว่าชาวตะวันตก ซึ่งแนะนำให้บริโภคแคลเซียมตามช่วงอายุ ดังนี้
    อายุ 9-18 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 1,000 มก./วัน
    อายุมากกว่า 50 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 800-1,000 มก./วัน
    อายุมากกว่า 50 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 800-1,000 มก./วัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวัยเด็กและหนุ่มสาว ควรบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอ เพื่อสะสมมวลกระดูกไว้ให้มาก จะป้องกันการเกิดกระดูกพรุนได้ดีกว่าการเสริมแคลเซียมหลังอายุ 30-35 ปี (ช่วงที่ร่างกายสร้างมวลกระดูกหนาแน่นสูงสุด) ไปแล้ว

ข้อแนะนำ

โรคนี้พบได้บ่อยในหญิงหลังวัยหมดประจำเดือน และผู้สงอายุ ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อกระดูกหักง่าย ควรป้องกันด้วยการปฏิบัติตัวต่าง ๆ (เช่น การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมให้มากพอ การออกกำลังกาย การรักษารูปร่างอย่าให้ผอมเกินไป การไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มสุราจัด) ตั้งแต่วัยเด็กและวัยหนุ่มสาว

8
บริการรถรับจ้างขนของอุดรธานี ขนต้นไม้ใหญ่ได้ไหม? มีเอกสารอะไรต้องใช้บ้าง?

การจะย้ายต้นไม้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และต้องระวังไม่ให้ต้นไม้ตายด้วย รวมถึงการใช้ยานพาหนะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการขนย้ายต้นไม้ใหญ่มักมีคำถามว่า สามารถใช้ บริการรถรับจ้าง ได้หรือไม่ และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง วันนี้ บริการรถรับจ้างอุดรธานี เรามีคำตอบให้คุณ และช่วยให้คุณขนย้ายต้นไม้ใหญ่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นค่ะ


สามารถใช้บริการรถรับจ้างขนต้นไม้ใหญ่ได้หรือไม่?

คำถามนี้มีคำตอบแน่นอนค่ะ นั่นคือใช้ รถรับจ้างอุดรธานี สามารถขนย้ายได้ 100 % แต่ต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญในการขนย้ายต้นไม้ได้โดยเฉพาะ เนื่องจากต้นไม้ใหญ่อาจมีน้ำหนักมาก ขนาดใหญ่ และต้องการอุปกรณ์ช่วยยก เช่น เครนหรือรถเฮี๊ยบ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อทั้งต้นไม้และทรัพย์สินโดยรอบ การขนย้ายต้นไม้ใหญ่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า และอาจต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นต้นไม้ที่มีคุณค่าทางสิ่งแวดล้อมหรือเป็นไม้หวงห้ามค่ะ


เอกสารที่ต้องใช้ในการขนย้ายต้นไม้ใหญ่

    ใบอนุญาตขนย้ายต้นไม้ : หากเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่หรือต้นไม้ที่อยู่ในบัญชีคุ้มครองตามกฎหมาย เช่น ต้นสัก หรือต้นพะยูง จำเป็นต้องมีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป่าไม้ หรือสำนักงานเขตที่ต้นไม้นั้นตั้งอยู่ค่ะ แน่นอนว่าหากขนย้ายโดยไม่มีใบอนุญาตอาจถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายและอาจถูกปรับหรือดำเนินคดีทางกฎหมายได้
    เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ต้นไม้ : หากต้นไม้อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล อาจต้องมีเอกสารยืนยันกรรมสิทธิ์ เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือยินยอมจากเจ้าของพื้นที่ด้วยค่ะ ในกรณีที่ต้นไม้ตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะ อาจต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่นั้น ๆ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อที่จะสามารถขนย้ายได้ค่ะ
    ใบเสนอราคาและสัญญาการขนย้าย : ควรขอใบเสนอราคาหรือทำสัญญาการขนย้ายกับผู้ให้บริการ รถรับจ้างอุดรธานี เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบในกรณีเกิดความเสียหาย จำเป็นต้องมีสัญญาที่ชัดเจนถึงจะช่วยให้ทั้งผู้ว่าจ้างและผู้ให้บริการเข้าใจขอบเขตของงานและสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นในการขนย้ายต้นไม้ใหญ่ค่ะ
    ใบอนุญาตใช้รถบรรทุกหรือรถเครน : หากใช้ รถบรรทุก ขนาดใหญ่หรือรถเครน อาจต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการของผู้ให้บริการ หรือใบอนุญาตขนส่งพิเศษในกรณีที่น้ำหนักบรรทุกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการมีใบอนุญาตที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงทางกฎหมาย และในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นค่ะ


ข้อควรระวังในการขนย้ายต้นไม้ใหญ่

ควรตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงถนนที่แคบหรือมีสายไฟฟ้ากีดขวาง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุปสรรคในการขนส่ง อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงช่วงเวลาขนย้าย ควรเลือกช่วงที่มีการจราจรน้อย เพื่อลดความเสี่ยงและความยุ่งยากในการขนย้าย เลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญในการขุดล้อมรากและขนย้ายต้นไม้ เพื่อลดโอกาสที่ต้นไม้จะเสียหายหรือไม่สามารถเติบโตต่อไปได้หลังจากขนย้ายเสร็จสิ้นค่ะ สำหรับ บริการรถรับจ้างอุดรธานี จะเตรียมอุปกรณ์เสริมสำหรับขนย้ายต้นไม้ใหญ่ เช่น เชือกยึด หรือผ้าคลุม เพื่อป้องกันกิ่งก้านหักและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนย้ายให้ด้วยค่ะ ในด้านกฎหมายควรตรวจสอบกฎหมายท้องถิ่น ในบางพื้นที่อาจมีข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับการขนย้ายต้นไม้ที่ต้องปฏิบัติตาม ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จำเป็นต้องดำเนินตามทุกขั้นตอนค่ะ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะตามมาภายหลังค่ะ

สรุปการใช้ บริการรถรับจ้าง ขนต้นไม้ใหญ่สามารถทำได้ แต่ต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์และอุปกรณ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ต้องเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น ใบอนุญาตขนย้ายต้นไม้ เอกสารกรรมสิทธิ์ และสัญญาการขนส่ง เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย หากคุณต้องการขนย้ายต้นไม้ใหญ่ อย่าลืมตรวจสอบข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง และเลือกใช้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงวางแผนล่วงหน้าให้รอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังค่ะรถรับจ้างขนของ

โดยรวมแล้ว การขนย้ายต้นไม้ใหญ่เป็นงานที่ต้องการการประสานงานระหว่างหลายฝ่าย และต้องคำนึงถึงข้อกฎหมาย ความปลอดภัย และการดูแลต้นไม้ให้สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้หลังการขนย้าย หากคุณมีความจำเป็นต้องย้ายต้นไม้ขนาดใหญ่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและตรวจสอบข้อกฎหมายให้ครบถ้วนก่อนดำเนินการค่ะ

สำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องการรถในการขนย้ายต้นไม้ใหญ่ รถหกล้อรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์ หรือ รถเฮี๊ยบ ติดต่อ บริการรถรับจ้างอุดรธานี เพื่อใช้ขนย้ายได้นะคะ เราพร้อมให้บริการด้วยทีมงานมืออาชีพ และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอย่างครบครัน

9
วิธีป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุกับบริการรถรับจ้างขนของปัตตานี รถรับจ้างใกล้ฉัน

การให้ บริการรถรับจ้างขนของ มีบทบาทที่สำคัญในการ ขนส่งสินค้า และ บริการขนย้าย บ้าน หอ คอนโด ในธุรกิจต่าง ๆ และ ขนย้ายส่วนบุคคล ในปัตตานีขนส่ง ด้วยบริการ รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การให้บริการนี้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการและสินค้าที่ขนส่ง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องมีการป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุในกระบวนการทำงานนี้ ดังนั้น ในบทความนี้เราจะสำรวจวิธีป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุใน บริการรถรับจ้างขนของปัตตานีรถกระบะรับจ้าง

   
ฝึกฝนและการรับรู้ทักษะของพนักงานขับรถ

การฝึกฝนและการพัฒนาทักษะของพนักงานขับรถรับจ้างเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการทำงานที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในขณะที่ดำเนินกิจกรรมการขนส่งสินค้า ความรู้และทักษะที่ได้รับจากการฝึกฝนนี้จะช่วยให้พนักงานเข้าใจหลักการและกระบวนการทำงานของรถรับจ้างขนของอย่างละเอียด ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปและการจัดการกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้

การฝึกฝนไม่เพียงแค่ให้ความรู้เกี่ยวกับการขับรถและตรวจสอบรถ แต่ยังครอบคลุมการเรียนรู้ทักษะการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การสื่อสารที่ดีและความเข้าใจต่อความต้องการของลูกค้าเป็นปัจจัยที่สำคัญในการให้บริการที่ดี ดังนั้น การฝึกฝนทั้งด้านทางเทคนิคและการสื่อสารมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความเชี่ยวชาญของพนักงานขับรถรับจ้าง

การฝึกฝนอีกด้านหนึ่งที่มีความสำคัญคือการเรียนรู้วิธีการปฏิบัติในสถานการณ์ที่เป็นไปได้ทุกประการ การทดลองสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการขนส่งสินค้า เช่น การจราจรที่แออัด การจอดรถในที่แคบ หรือการขนสินค้าที่มีน้ำหนักมาก ทั้งนี้เพื่อให้พนักงานขับรถสามารถตอบสนองอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้

การฝึกฝนทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างพนักงานขับรถที่มีความพร้อมทั้งทางทักษะและทัศนคติที่ดี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ บริการรถรับจ้างขนของปัตตานี มีคุณภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน

   
ตรวจสอบและบำรุงรักษารถ

การตรวจสอบและบำรุงรักษารถเป็นกระบวนการที่สำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของรถรับจ้างขนของ โดยการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว และส่งผลให้รถทำงานได้สมบูรณ์และปลอดภัยมากขึ้น

ตรวจสอบตัวรถ

    ตรวจสอบระบบเครื่องยนต์เช่นการเปลี่ยนน้ำมัน ตรวจสอบระบบหล่อเย็น และการทดสอบแบตเตอรี่
    ตรวจสอบระบบส่วนเครื่องช่วยเหลือการขับขี่ เช่น ระบบเบรค ระบบลูกสูบ และระบบหล่อเย็น
    ตรวจสอบสภาพยางรถและการสวมใส่

การบำรุงรักษาตัวเครื่อง

    เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
    เปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นตามระยะที่กำหนด
    ทำความสะอาดและบำรุงรักษาระบบเบรค
    ทำความสะอาดและปรับแต่งเครื่องยนต์

การตรวจสอบระบบไฟฟ้า

    ตรวจสอบและทดสอบระบบไฟฟ้าทั้งภายในและภายนอก
    ทดสอบหลอดไฟ หลอดท้าย และระบบสัญญาณไฟ
    ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบชาร์จแบตเตอรี่

การบำรุงรักษาส่วนยาง

    ตรวจสอบและปรับความดันของล้อ
    ทำการบำรุงรักษายางรถอย่างสม่ำเสมอ
    ตรวจสอบรอย รอยของยางรถ

การตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ทางความปลอดภัย

    ตรวจสอบระบบป้องกันการชน ระบบป้องกันการเสียหาย และระบบป้องกันการถล่ม
    ทดสอบและตรวจสอบระบบประกันอุบัติเหตุ

การบำรุงรักษาตัวถัง

    ตรวจสอบและซ่อมแซมส่วนที่มีความชำรุด
    ทำความสะอาดและเคลือบสีรถเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ

การตรวจสอบและบำรุงรักษารถเป็นกระบวนการที่มีผลทั้งในด้านประสิทธิภาพของรถและความปลอดภัยของการขนส่งสินค้า การทำให้การบำรุงรักษาเป็นประจำจะช่วยลดความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และยังเพิ่มอายุการให้บริการของ รถรับจ้างขนของปัตตานีรถรับจ้างขนของ ใกล้ฉัน

   
การกำกับดูแลและประเมินความเสี่ยง

การกำกับดูแลและประเมินความเสี่ยงใน บริการรถรับจ้างขนของขนส่ง มีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาและรักษาคุณภาพของบริการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ความเสี่ยงนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยในการระบุปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อการให้บริการได้ เช่น สภาพทางเส้นทาง สภาพอากาศ และสภาพจราจร

การกำกับดูแลความเสี่ยงรวมถึงการจัดการเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น การกำหนดมาตรการป้องกัน และการเตรียมการที่จะแก้ไขปัญหาที่เป็นไปได้ การทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เป็นไปได้ทั้งหมดช่วยให้ผู้จัดการสามารถลดความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

การประเมินความเสี่ยงเป็นกระบวนการที่ใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่เสี่ยงต่อการให้บริการ โดยการใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์สถิติ การทำความเข้าใจจังหวะการทำงาน และการทดสอบสถานการณ์ที่เป็นไปได้ ผลการประเมินนี้ช่วยให้สามารถกำหนดแผนการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

   
สร้างมาตรฐานและเครื่องมือประสานงาน

การสร้างมาตรฐานและเครื่องมือประสานงานเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้บริการรถรับจ้างขนของมีความเป็นองค์รวมและประสิทธิภาพ การกำหนดมาตรฐานชัดเจนทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ลดความสับสนและลำบากในการปฏิบัติงาน

เครื่องมือประสานงานที่ดีทำให้การสื่อสารระหว่างพนักงานขับรถ ผู้จัดการ และลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ระบบการแจ้งเตือน แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันที่ช่วยในการติดตามสถานะและการจัดส่งสินค้าทำให้ทุกคนมีข้อมูลที่สมบูรณ์แบบ

การสร้างมาตรฐานและเครื่องมือที่เหมาะสมยังช่วยลดข้อขัดแย้งในการทำงานร่วมกัน มาตรฐานที่เฉพาะเจาะจงและเครื่องมือที่ทันสมัยช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างเป็นประสบการณ์ และสามารถปรับปรุงและปรับให้เหมาะสมตามการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ภายนอก สร้างมาตรฐานและใช้เครื่องมือที่ดีช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบรถรับจ้างขนของราคาถูก

การป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุใน บริการรถรับจ้างขนของปัตตานี เกิดขึ้นจากการฝึกฝนพนักงาน การบำรุงรักษารถ การใช้เทคโนโลยี การประเมินความเสี่ยง และการสร้างมาตรฐานและเครื่องมือที่เหมาะสม ด้วยการนำเทคนิคและแนวทางนี้มาปฏิบัติ บริการรถรับจ้างขนของปัตตานีจะสามารถให้บริการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

บริการรถรับจ้างขนของเราพร้อมที่จะทำให้ทุกการขนส่งเป็นประสบการณ์ที่สะดวกสบายและปลอดภัย ด้วยทีมคนที่มีความเชี่ยวชาญและรถที่ดูแลรักษาอย่างดี เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการที่คุณต้องการ!

เมื่อคุณเลือกใช้บริการรถรับจ้างขนของเรา คุณจะได้รับมากกว่าการขนส่ง ความเชื่อมั่นและบริการที่ดีที่สุดในปัตตานี! ทางเราพร้อมที่จะนำทางคุณไปสู่ประสบการณ์การขนส่งที่ดีที่สุดทุกครั้งที่คุณต้องการ

10
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)

ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

 
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
จัดฟันบางนา: ถ้าทำเครื่องมือการจัดฟันแบบใสหาย ต้องทำอย่างไรบ้าง

การจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา จึงทำให้การจัดฟันแบบใสมีผลการรักษาที่แม่นยำ โดยทันตแพทย์จะทำการประเมินช่องปากเบื้องต้นและวางแผนการรักษา ออกแบบเครื่องมือที่ช่วยในการเคลื่อนตัวของฟันไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์กำหนด สาเหตุที่การจัดฟันแบบใสได้รับความนิยมมากนั่นก็คือ เป็นการจัดฟันที่ไม่มีการติดเครื่องมือการจัดฟันบนผิวฟันและไม่ใช้เครื่องมือแบบติดแน่น ซึ่งจะใช้เครื่องมือการจัดฟันที่มีความใส ลักษณะคล้ายกับรีเทนเนอร์แบบใสและมีลักษณะจำเพาะบุคคล

เนื่องจากเครื่องมือการจัดฟันของแต่ละคนนั้น จะต้องมีความแตกต่างกัน เพราะปัญหาฟันของแต่ละคนย่อมมีความต่างกัน ดังนั้น การปรึกษาทันตแพทย์ก่อนการเข้ารับการจัดฟันจึงมีความสำคัญมาก สำหรับการจัดฟันแบบใส ก็มีข้อดีนั้นก็คือ มีความสวยงาม เป็นธรรมชาติ และมองไม่เห็นเครื่องมือการจัดฟัน ใช้ระยะเวลาในการจัดฟันน้อยและเห็นผลทันทีหลังจากจัดฟัน มีความแม่นยำในการรักษาสูง อีกทั้ง ยังเป็นเครื่องมือการจัดฟันอย่างทำความสะอาดง่าย ไม่ยุ่งยาก เพราะเครื่องมือการจัดฟันสามารถถอดออกได้ขณะรับประทานอาหารและขณะแปรงฟัน ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่การจัดฟันแบบใสนั้นก็มีข้อจำกัดนั่นก็คือ ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องมีระเบียบวินัยในการสวมใส่เครื่องมือตามคำแนะนำของทันตแพทย์และปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสหลายคน อาจจะเผลอลืมเครื่องมือการจัดฟัน ทำให้เครื่องมือการจัดฟันหาย

ดังนั้นวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของเครื่องมือการจัดฟันว่าถ้าเกิดเราทำเครื่องมือการจัดฟันแบบใสหายจะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจเป็นปัญหาของใครหลายๆคน ดังนั้น เราจึงมาแนะนำให้ความรู้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องดังกล่าว  สำหรับการใช้งานเครื่องมือการจัดฟันแบบใสนั้น ต้องบอกก่อนว่าเราจะต้องถอดเครื่องมือออกก่อนรับประทานอาหารและขณะแปรงฟัน แน่นอนว่าในข้อนี้เสี่ยงต่อการที่จะทำให้เราเผลอลืมเครื่องมือการจัดฟันและอาจทำให้เครื่องมือการจัดฟันหายได้ แล้วถ้าเกิดเครื่องมือการจัดฟันหาย ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใสจะต้องสวมใส่วันละ 22 ชั่วโมง เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

ดังนั้น ถ้าเราทำเครื่องมือการจัดฟันหาย ก็ควรรีบเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการออกแบบหรือรับเครื่องมือชุดใหม่ เพราะผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่เครื่องมือตลอดการจัดฟัน เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้ฟันของเรามีผลการรักษาที่คลาดเคลื่อนและไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่ทันตแพทย์กำหนดและอาจจะทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ภายหลังจากการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการจัดฟันจะปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด ต้องสวมใส่รีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันไว้ไม่ให้ฟันเคลื่อน เพราะถ้าเราไม่สวมใส่รีเทนเนอร์อาจจะทำให้เสี่ยงการเกิดฟันล้มได้ ซึ่งจะทำให้ฟันของเราเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ อาจจะจำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันใหม่อีกครั้ง

สำหรับใครที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ที่ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมทั้งมีประสบการณ์การจัดฟันแบบใสมาอย่างยาวนานและได้การรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถทำการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสได้

ทั้งนี้ คลินิกของเรายังมีความน่าเชื่อถือ มีสถานทันตกรรมที่สะอาด ซึ่งทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความปลอดภัยและมั่นใจได้ว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ ทางเราอยากให้ทุกคนตระหนักถึงการดูแลรักษาความสะอาดของฟัน เพื่อให้เราทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง มีบุคลิกภาพที่มั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

13
โรงงานต้องการฉนวนกันความร้อน ทำไมควรใช้ฉนวนใยแก้ว

ปัญหาโรงงานอุตสาหกรรมมีความร้อนสะสมภายในมากเกินไป ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะยิ่งปล่อยให้ความร้อนสะสมนานเท่าไร ต้นทุนในการผลิตก็ยิ่งบานปลายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น ค่าไฟเพิ่มม พนักงานร้อนจนทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เครื่องจักรต่าง ๆ ทำงานหนักชำรุดเสียหายง่ายขึ้น ฯลฯ

นั่นเองจึงทำให้การติดตั้ง “ฉนวนกันความร้อน” เป็นทางออกที่ควรให้ความสำคัญเร่งด่วน ซึ่งในปัจจุบัน “ฉนวนใยแก้ว” ถือเป็นหนึ่งในประเภทฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยเพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่น แตกต่าง ไม่เหมือนใคร


ฉนวนใยแก้ว คืออะไร ทำไมจึงกันความร้อนได้?

ฉนวนใยแก้ว คือ ฉนวนกันความร้อนที่ผลิตขึ้นมาจากการใช้แก้วรีไซเคิล 100% ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉนวนใยแก้วสามารถป้องกันความร้อนได้นั้นั้น ก็เป็นเพราะในเนื้อของฉนวนจะมีโพรงอากาศจำนวนมากอยู่

ซึ่งเมื่อความร้อนผ่านเข้ามาสัมผัสกับเนื้อฉนวนก็จะถูกโพรงอากาศจำนวนมากกักเก็บความร้อนเอาไว้ ทำให้เคลื่อนที่ผ่านได้ยาก ความร้อนจากภายนอกจึงถูกชะลอการเคลื่อนผ่านเอาไว้ ส่งผลให้ไม่สามารถทะลุเข้ามายังภายในพื้นที่ได้ง่าย เป็นเหตุให้เมื่อใช้ฉนวนใยแก้วติดตั้งภายในโรงงาน จึงทำให้ป้องกันความร้อนทะลุผ่านได้ดี เกิดบรรยากาศที่เย็นสบายได้มากขึ้น ลดความร้อนสะสมภายในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ฉนวนใยแก้วดีกว่าฉนวนกันความร้อนอื่นอย่างไร?

นอกจากจะกันความร้อนได้ดีกว่าฉนวนประเภทอื่น ๆ ด้วยคุณสมบัติของวัสดุที่มีโพรงอากาศจำนวนมากช่วยชะลอความร้อนแล้ว คุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ฉนวนใยแก้วโดดเด่นเหนือกว่าฉนวนกันความร้อนที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ก็คือ เป็นฉนวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพร่างกาย เพราะเป็นการผลิตจากแก้วรีไซเคิล 100% และยังได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกด้วยว่า “ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์”

ทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อนำใช้ติดตั้งภายในโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในโรงงาน นอกจากนั้นแล้ว คุณสมบัติในแง่บวกเหล่านี้ ยังใช้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้แก่โรงงานได้ด้วย ในฐานะโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง


ฉนวนกันความร้อน ผู้นำด้านฉนวนใยแก้วเพื่อโรงงงาน

ปัจจุบันในท้องตลาดมีฉนวนกันความร้อนให้เลือกใช้อยู่หลายประเภท อาทิ อะลูมิเนียมฟอยล์ โพลีเอธีลีนโฟม ฉนวนใยหิน และฉนวนใยแก้ว เป็นต้น โดยสำหรับใครที่รู้สึกมั่นใจในฉนวนใยแก้วแล้วล่ะก็ ฉนวนกันความร้อน คือหนึ่งในแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์ฉนวนใยแก้วที่ตอบโจทย์กับผู้ประกอบการมากที่สุด ด้วยเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนาน สินค้ามีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล มีฉนวนกันความร้อนครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฉนวนกันความร้อนสำหรับหลังคาโรงงาน สำหรับงานระบบปรับอากาศ สำหรับงานหุ้มท่อน้ำร้อนน้ำเย็น สำหรับผนังครอบห้องเครื่องจักรอุณหภูมิสูง เป็นต้น

ซึ่งฉนวนของ จะมีคุณสมบัติไม่ลามไฟ จึงเพิ่มความปลอดภัยให้กับโรงงานได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ใช้เทคโนโลยี Green Guard คือมีการใส่สาร HydroProtec ไปในเนื้อฉนวนเขียว ทำให้ทนต่อความชื้นและน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงยืดอายุการใช้งานและคงประสิทธิภาพของการเป็นฉนวนกันความร้อนได้ยาวนานคุ้มค่า

ฉนวนกันความร้อนสำหรับโรงงานนั้นมีหลากหลายชนิดให้เลือก ทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกันไป และแน่นอนว่าราคาก็แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการที่ตั้งใจวางแผนแก้ไขปัญหาความร้อนสะสมภายในโรงงาน จึงต้องพิจารณาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับฉนวนกันความร้อนแต่ละประเภทให้ดี เพื่อเลือกใช้ได้อย่างตอบโจทย์และคุ้มค่าตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุด

14
บริหารจัดการอาคาร: วิธีแก้ท่อตัน ทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเรียกช่าง!

ปัญหาท่อน้ำตันเกิดจากสิ่งสกปรก คราบไขมัน เข้าไปเกาะติดอยู่ในท่อ จนเกิดการอุดตัน ทั้งส่งกลิ่นเหม็น เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ยิ่งถ้าปล่อยไว้นาน ๆ ก็ทำให้เกิดการรั่วซึมได้ด้วย

    วิธีแก้ท่อน้ำตันทำได้หลายอย่างทั้งการใช้ไม้ดูดสุญญากาศ ใช้งูเหล็ก ไม้แขวนเสื้อ โซดาไฟ น้ำร้อน เบกกิ้งโซดา น้ำยาล้างจาน น้ำส้มสายชูและเกลือ น้ำยาฟอกขาว น้ำหมักชีวภาพ ไปจนถึงใช้เครื่องดูดฝุ่น และแกะท่อออกมาทำความสะอาดก็ได้

หนึ่งในปัญหาชวนปวดหัวที่หลายบ้านไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คือ ท่อน้ำในบ้านตัน! โดยมักเกิดขึ้นบริเวณท่อน้ำในครัว และท่อในห้องน้ำ ซึ่งสาเหตุมาจากมีเศษอาหาร ไขมัน หรือเส้นผมไปอุดตัน หากปล่อยทิ้งไว้นอกจากจะต้องเผชิญกับปัญหาน้ำรั่วซึมแล้ว ยังส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย วันนี้ไปดู 12 วิธีแก้ท่อตัน ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ด้วยตัวเองแบบสบาย ๆ แถมยังใช้อุปกรณ์และวัตถุดิบที่หาได้ในบ้านอีกด้วย ก่อนจะไปดูว่าต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไปรู้ดูสาเหตุกันก่อนว่าท่อตันเกิดจากอะไร?

รู้หรือไม่? สาเหตุของท่อตันเกิดจากคราบไขมัน เศษอาหาร เศษผม หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ เข้าไปสะสมอยู่ในท่อน้ำ ทำให้ระบายน้ำไม่ได้เต็มที่ จนน้ำเอ่อขึ้นมาบนอ่างล้างจาน อ่างล้างหน้านั่นเอง

เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดคราบไขมันที่จะไหลลงท่อไปกับน้ำ ช่วยแก้ท่อน้ำตันได้อย่างตรงจุด แถมยังช่วยให้บ้านสะอาดน่าอยู่ยิ่งกว่าเดิมด้วย ต่อไปเราไปดูกันต่อเลยว่าถ้าเจอท่อน้ำตันวิธีแก้ด้วยตัวเองจะมีอะไรบ้าง?


12 วิธีแก้ท่อตัน ทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเรียกช่าง!

1. ไม้ดูดสุญญากาศ ปั๊มคราบสกปรกออกให้หมด

วิธีแก้ท่อตันสุดเบสิกที่รู้จักกันดีคงหนีไม่พ้น การนำไม้ดูดสุญญากาศปั๊มสิ่งสกปรกออกมา โดยทาปิโตรเลียมเจลที่หัวปั๊มยางแล้ววางลงไปบริเวณปากท่อ จากนั้นปั๊มขึ้นปั๊มลงประมาณ 6-10 ครั้ง เพียงเท่านี้สิ่งที่อุดตันอยู่ในท่อก็จะถูกดึงขึ้นมา จนน้ำไหลลงท่อได้สะดวกแล้ว


2. งูเหล็ก ทะลุทะลวงสิ่งอุดตัน

งูเหล็ก หรือสปริงสายทะลวง อีกหนึ่งวิธีแก้ไขท่อน้ำตัน ที่บางบ้านมีติดไว้ เพราะใช้ได้กับท่อน้ำทิ้ง ซิงก์ล้างจาน อ่างล้างหน้า หรือโถสุขภัณฑ์ ถ้าบ้านไหนมีงูเหล็กก็นำมาท่อสอดเข้าไปในท่อที่อุดตัน แล้วหมุนไปมาให้สิ่งสกปรกหลุดออกจากท่อ และเปิดน้ำทิ้งไว้ เพื่อจะได้กำจัดสิ่งสดปรกออกไป


3. ไม้แขวนเสื้อ บิด ๆ ดัด ๆ ก็แก้ท่อน้ำตันได้แล้ว

ไม่มีอุปกรณ์เฉพาะทาง จะหาวิธีแก้ท่อน้ำตันแบบไหนดี ลองเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วนำไม้แขวนเสื้อมาคลายออกให้เป็นเส้นยาว ๆ ส่วนปลายงอขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนำลวดด้านที่งอหย่อนลงไปในท่อเพื่อดึงเศษขยะที่อุดตันขึ้นมา แค่นี้ก็ช่วยระบายน้ำได้สบาย ๆ แล้ว


4. โซดาไฟ ใช้ให้ปลอดภัย ล้างท่อตันทะลุทะลวง

อยากได้วิธีแก้ท่อตันแบบทะลุทะลวง ควรลองใช้โซดาไฟเป็นตัวช่วย แต่อย่าลืมใช้ให้ถูกวิธีเพื่อความปลอดภัย โดยนำโซดาไฟมาผสมน้ำในอัตราส่วน โซดาไฟ 50-100 กรัม : น้ำ 0.5 ลิตร แล้วคนให้เข้ากัน ระวังอย่าให้ถูกผิวหนัง ตา จมูก ปาก จากนั้นเทลงไปในท่อที่ตัน ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วราดน้ำตามลงไปเพื่อล้างโซดาไฟออก เพียงเท่านี้ก็จะช่วยแก้ท่อน้ำตันได้แล้ว


5. น้ำร้อน ต้มให้เดือดแล้วล้างราดล้างคราบมัน

เพราะสิ่งสกปรกส่วนใหญ่ในท่อน้ำ มักจะเป็นคราบไขมัน จึงควรจะหาตัวช่วยมาละลายไขมัน คราบสกปรกออกให้หมด โดยต้มน้ำให้เดือดแล้วค่อย ๆ ราดลงไปในท่อที่ตันได้เลย โดยราด 2-3 ครั้ง เว้นสัก 1-2 นาที เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำยาละลายไขมันในท่อแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีแล้ว


6. เบกกิ้งโซดาล้างท่อ ปลอดภัย ได้ผลแน่

เจ้าแห่งความสะอาดคงหนีไม่พ้นเบกกิ้งโซดา ถ้าเจอปัญหาท่อตัน ลองเทเบกกิ้งโซดาลงในท่อที่ตัน แล้วราดน้ำร้อนตามลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็เปิดน้ำลงไป เพื่อชำระล้างคราบสกปรกภายในท่อ เพียงเท่านี้ปัญหาท่อตันกวนใจก็จะหมดไปง่าย ๆ แล้ว


7. น้ำยาล้างจาน คราบมันหายวับ ได้ผลดีเกินคาด

วิธีแก้ปัญหาท่อตันแบบง่าย ๆ แต่กลับล้างคราบมันได้ผลดีเกินคาด เทน้ำยาล้างจานลงไปในท่อประมาณ ¼ ถ้วยตวง จากนั้นเทน้ำเดือดตามลงไป โดยน้ำยาล้างจานที่ผสมกับน้ำเดือด จะช่วยกำจัดคราบไขมันที่ทำให้ท่อตันหลุดออกไปเอง


8. น้ำส้มสายชูและเกลือ แก้ท่อน้ำตัน แถมซิงก์สะอาด

อีกหนึ่งวิธีแก้ท่อตันแบบไร้สารพิษคือการเทเกลือขนาด ½ ถ้วยตวง เบกกิ้งโซดาอีก ½ ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง คนให้เข้ากัน เทลงในท่อที่อุดตัน ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นให้เทน้ำต้มเดือดลงไปในท่อ จะช่วยล้างคราบไขมันที่เกาะอยู่ในท่อ ยิ่งถ้าทำกับท่อซิงก์ล้างจานสแตนเลสจะช่วยให้ซิงก์สะอาดไปพร้อมกันด้วย


9. น้ำยาฟอกขาว ใช้เป็นน้ำยาละลายไขมันในท่อได้เลย

ลองใช้น้ำยาซักผ้าขาวที่บ้านมาเป็นวิธีแก้ท่อตันกันดู โดยเทน้ำยาฟอกขาวลงไปในท่อประมาณ 1 ถ้วยตวง ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วปล่อยน้ำไหลลงท่อให้คราบไขมัน สิ่งสกปรกที่อุดตันค่อย ๆ หลุดออกไป แต่วิธีนี้ไม่ค่อยเหมาะกับท่อที่มีสิ่งสกปรกอุดตันอยู่เยอะ ควรจะหยิบขึ้นมาก่อน แล้วเทน้ำยาลงไปทีหลังจะได้ผลมากกว่า


10. น้ำหมักชีวภาพ วิธีแก้ไขท่อน้ำตันแบบดีต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับสายรักษ์โลกที่ไม่อยากใส่สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรงลงในท่อระบายน้ำ มาลองใช้น้ำหมักชีวภาพเป็นตัวช่วย เพียงเทน้ำหมักลงในท่อที่อุดตัน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ฤทธิ์จากกรดอ่อน ๆ ในน้ำหมักจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรก คราบมันให้หมดจด แถมไม่ส่งกลิ่นเหม็นรบกวน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบสุด ๆ


11. เครื่องดูดฝุ่น ดูดสิ่งสกปรกหมดจดในพริบตา

บ้านไหนมีเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้กับพื้นที่เปียกชื้นได้ นำมาจ่อที่ปากท่อได้เลย แค่กดเปิดก็จะช่วยให้คราบสกปรกหลุดออกมาหมดแล้ว แต่อย่าลืมดูให้ดีว่าเครื่องดูดฝุ่นที่บ้านใช้กับพื้นที่เปียกชื้นได้ไหม ไม่งั้นคงอันตรายแย่แน่


12. ถอดท่อออกมาทำความสะอาด วิธีล้างท่อตันแบบทั่วถึง

ลองมาหลายอย่างแล้วก็ยังแก้ท่อน้ำตันไม่ได้สักที ลองเปลี่ยนมาเป็นวิธีแก้ท่อตันแบบอาศัยอุปกรณ์และสกิลช่างนิดหน่อย อย่างการถอดท่อออกมาล้าง โดยปิดวาล์วน้ำก่อน แล้วถอดชิ้นส่วนท่อระบายน้ำออกมาขัดล้างทำความสะอาดทีละส่วน จากนั้นก็ประกอบเข้าตามเดิม จะช่วยแก้ปัญหาหาท่อตันได้อย่างตรงจุดเลยทีเดียว

ได้วิธีแก้ท่อตันกันไปแล้ว มีอุปกรณ์หรือวัตถุดิบชิ้นไหน ไปหยิบมาใช้กันได้เลย ที่สำคัญเพื่อให้ป้องกันปัญหาได้อย่างถูกจุด อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดคราบมันเป็นประจำด้วย  น้ำยาทำความสะอาดครัว อีกหนึ่งตัวช่วยป้องกันคราบไขมันให้อยู่หมัด ใช้ง่าย ปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นอันตราย เพื่อให้บ้านของทุกคนสวย น่าอยู่ ปลอดภัยจากปัญหาชวนปวดหัว

15
หมอออนไลน์: มะเร็งกระเพาะอาหาร (Stomach cancer/Gastric cancer)

มะเร็งกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่พบในคนอายุมากกว่า 40 ปี พบมากในช่วงอายุ 60-80 ปี คนอายุน้อยกว่า 40 ปีก็พบได้แต่น้อย มะเร็งชนิดนี้พบประมาณร้อยละ 2.2 ของผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั้งหมด และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า (สถิติปี 2563)

สาเหตุ

ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายประการ ทั้งปัจจัยด้านกรรมพันธุ์ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรม ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่

    ปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุด คือ การติดเชื้อเอชไพโลไร (H.pylori/Helicobacter pylori) ของกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง (chronic gastritis) และแผลกระเพาะอาหาร พบว่ามากกว่าร้อยละ 60 ของผู้ที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารจะมีประวัติการติดเชื้อดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดเชื้อเอชไพโลไรมีเพียงส่วนน้อย (ประมาณร้อยละ 2) ที่จะเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื่อว่าการเกิดมะเร็งชนิดนี้มีปัจจัยเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ของเชื้อ ปัจจัยด้านปัจเจกบุคคลและสิ่งแวดล้อม

    ปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยอื่น ๆ ได้แก่ การสูบบุหรี่, การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด (วันละมากกว่า 3 ดื่มมาตรฐาน หรือมากกว่าปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 30 กรัม), การกินเนื้อสัตว์หมักเกลือ (เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม) เนื้อสัตว์รมควันหรือใส่ดินประสิว (เช่น ไส้กรอก แหนม กุนเชียง เป็นต้น), การกินเนื้อแดง (เนื้อวัว หมู) โดยการปิ้งย่าง, การกินของหมักดอง, การกินผักและผลไม้น้อย, ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน

    ปัจจัยด้านกรรมพันธุ์ พบว่าประมาณร้อยละ 10 ของผู้ที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร มีประวัติมีพ่อแม่พี่น้องหรือญาติสายตรงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร

    ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น การมีติ่งเนื้อเมือก (stomach polyps) ที่กระเพาะอาหาร, การมีประวัติเป็นโรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง (pernicious anemia) ซึ่งเกิดจากภาวะขาดวิตามินบี 12, การมีประวัติเคยผ่าตัดกระเพาะอาหารมาก่อน

อาการ

ระยะแรกเริ่มจะไม่มีอาการแสดงใด ๆ ต่อมาเมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้นก็จะมีอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย ท้องอืด แน่นท้องตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือเหนือสะดือคล้ายโรคกระเพาะ รู้สึกอิ่มเร็วหลังกินอาหารปริมาณเพียงเล็กน้อย

ในช่วงแรกกินยารักษาโรคกระเพาะอาการก็ทุเลาได้ แต่ต่อมาจะไม่ได้ผลและมีอาการอื่นตามมา เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย กลืนลำบาก เบื่ออาหาร ท้องผูกหรือท้องเดิน คลื่นไส้อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระดำ น้ำหนักลด ซีด ดีซ่าน (ตาเหลือง) เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

เมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้น ทำให้ทางเดินอาหารอุดกั้น (ปวดท้อง อาเจียน) มีเลือดออก (อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ โลหิตจาง)

มะเร็งมักลุกลามไปที่อวัยวะข้างเคียง ในช่องท้อง (ทำให้ปวดท้อง ท้องมาน) ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง แอ่งเหนือไหปลาร้า และในระยะท้ายมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ) และอาจไปที่สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ระยะแรกมักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ ระยะต่อมาอาจตรวจพบภาวะซีด ดีซ่าน (ตาเหลือง)

ในรายที่มีก้อนมะเร็งลุกลาม อาจคลำพบก้อนแข็งตรงบริเวณเหนือสะดือหรือใต้ชายโครง หรือตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตที่เหนือบริเวณไหปลาร้าข้างซ้าย ตับโต

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยเอกซเรย์กระเพาะอาหารโดยการกลืนแป้งแบเรียม การใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหาร (gastroscopy) และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจหาระดับสารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ได้แก่ สารซีอีเอ (carcinoembryonic antigen/CEA) ซึ่งมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยและการติดตามผลการรักษา

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI), การตรวจเพทสแกน (PET scan) เป็นต้น เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัด และเคมีบำบัด ในรายที่เป็นมากอาจให้เคมีบำบัดรังสีบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drugs)

ผลการรักษา ถ้าเป็นมะเร็งระยะแรก ๆ การรักษาได้ผลดี หรือหายขาดได้ (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 80-90)

แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมาพบแพทย์เมื่อมีอาการในระยะท้าย ๆ ซึ่งมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นแล้ว การรักษามักได้ผลไม่ดี มักมีชีวิตอยู่ได้นานสักระยะหนึ่ง (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 20-40)

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดแน่นท้องตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือเหนือสะดือคล้ายโรคกระเพาะนานเกิน 2-4 สัปดาห์ หรือกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ทุเลา, อาเจียนบ่อย, อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระดำ, น้ำหนักลด เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

มีวิธีปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร ดังนี้

    ไม่สูบบุหรี่
    หลีกเลี่ยงการดื่มสุราจัด หากจะดื่มควรดื่มเป็นบางครั้งบางคราว ในปริมาณเล็กน้อย (1 ดื่มมาตรฐานสำหรับผู้หญิง หรือ 2 ดื่มมาตรฐานสำหรับผู้ชาย ต่อวัน)
    หลีกเลี่ยงการกินปลาเค็ม เนื้อเค็ม ผักดอง เนื้อสัตว์รมควันหรือใส่ดินประสิว เนื้อแดงที่ปิ้งย่าง
    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
    ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    ถ้าพบว่ามีการติดเชื้อเอชไพโลไรของกระเพาะอาหารควรรักษาให้หายขาด

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารตรวจกรองมะเร็งตั้งแต่ก่อนจะมีอาการ หากพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะแรก การรักษาจะได้ผลดี มีอายุยืนยาว

2. ผู้ที่มีอาการปวดจุกแน่นท้อง หรือมีอาการของโรคกระเพาะเรื้อรังหรือกำเริบบ่อย หรือกินยารักษาโรคกระเพาะแล้วไม่ทุเลา หรือทุเลาในระยะแรกแล้วต่อมายาที่กินกลับไม่ได้ผล หรือมีอาการครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า 40 ปี ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด

3. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

หน้า: [1] 2 3 ... 51
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google