แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 30
1
รถไฟฟ้า ev โลตัส Lotus-Emeya R-ปี 2024
6,890,000 บาท 

โลตัส Lotus-Emeya R-ปี 2024
Lotus Emeya S รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้าล้วน 100%  Hyper-GT 4 Door with Dual-Motor ที่เร็วที่สุดในโลก เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.78 วินาที ยกระดับมาตรฐานใหม่ในรถไฟฟ้าซีดานรุ่นแรกของแบรนด์ ที่สะท้อน DNA ของ LOTUS อย่างสมบูรณ์แบบ ออกแบบยานยนต์ไฟฟ้าตามหลัก Aerodynamic ที่ได้ออกแบบการกระจายกำลังรถให้เท่ากัน 50:50 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อให้เกิดความสมดุลในการทรงตัวที่ดีขณะขับขี่และการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ในรถไฟฟ้าซีดานรุ่นแรกของแบรนด์ พร้อมต่อยอดความเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ Lotus ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่น LOTUS CARLTON รถซีดานแห่งยุค 90

***สอบถามสเปคละเอียดจากผู้แทนจำหน่ายอีกครั้ง***
รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Lotus
   รุ่น                    โลตัส Lotus-Emeya R-ปี 2024
   ประเภทรถ           รถเก๋ง 4 ประตู, รถเก๋งซูเปอร์คาร์, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา                6,890,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (กระจังหน้าแบบ Active รูปทรงสามเหลี่ยมเป็นช่องดักอากาศ และ Splitter สร้างแรงกดด้านหน้าของรถ,Active Rear Diffuser)
สปอยเลอร์หลัง (Active Spoiler ด้านหลังขนาดใหญ่ถึง 296 มิลลิเมตร มาในรูปแบบ Dual Layer หรือเรียกว่า Double Wing)
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (แบบแอ็กทีฟ)
ไฟหน้า (ปรับตามสภาพการขับขี่อัตโนมัติ)
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (ทำงานอัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED (Matrix LED)
ล้ออัลลอย (Forged น้ำหนักเบา)

   ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ตกแต่งภายใน (แพ็กเกจชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
อุปกรณ์วัดความเร็วสะท้อนกระจก Head Up Display

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                   มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 905 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 985 นิวตันเมตร
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)     แรงม้า
   ระบบเกียร์                       เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS                มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD)
   ชนิดแบตเตอรี่                  ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่               112 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง    485 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 355 kW พร้อมฝาปิดช่องชาร์จไฟระบบสัมผัส Touch Activated Electric Charging Port Cover อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 2.78 วินาที ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 256 km/h

   น้ำหนักตัวรถ               -
   ประเภทยางรถยนต์        -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)            ล้ออัลลอย (Forged น้ำหนักเบา)
   ระบบขับเคลื่อน           ขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)

ระบบความปลอดภัย
  อุปกรณ์ความปลอดภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กุญแจรีโมท
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
กล้อง
เซ็นเซอร์ตรวจจับการชน (รอบคัน 34 จุด)

2
ขายรถป้ายแดง Mitsubishi All New Triton Double Cab Ultra ไมล์น้อย โปรฟรีดาวน์

มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 ULTRA AT ปี 2023
MITSUBISHI TRITON DOUBLE Plus 2.4 ULTRA AT ตัวถังดีไซน์ใหม่!เมกาเฟรม (Mega Frame) ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เครื่องยนต์ใหม่ ไฮเปอร์เพาเวอร์ กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ (184 PS) แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร เทอร์โบแปรผัน VG Turbo ช่วงล่างใหม่ พร้อม Active Yaw Control: AYC ความปลอดภัยขั้นสุด Diamond Sense เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) เตือนด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) กล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM) ตรวจจับคนเดินถนน

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 15 ก.ย. - 30 ธ.ค. 2567
ส่วนลด 150,000 สามารถนำมาเป็นเงินดาวน์เพื่อทำโปรฟรีดาวน์ได้

ราคาพิเศษ 877,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                Mitsubishi
   รุ่น                     มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 ULTRA AT ปี 2023
   ประเภทรถ            รถกระบะ 4 ประตู
   ปีที่เปิดตัว            2023


3
สมัครบัตรเครดิตพร้อมบัตรยูโอบี แคชพลัส รับเลย! โค้ดส่วนลดตั๋วเรื่องบินการบินไทย มูลค่า 4,000 บาท*

Special Deal ให้คุณบินได้ทุกเส้นทาง เพียงสมัครบัตรเครดิตยูโอบีพร้อมบัตรยูโอบี แคชพลัส ผ่านช่องทางออนไลน์ รับเลย! โค้ดส่วนลดตั๋วเรื่องบินการบินไทย มูลค่า 4,000 บาท* เมื่อมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยูโอบีที่ได้รับการอนุมัติ ตั้งแต่ 12,000 บาทขึ้นไป ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ธนาคารอนุมัติบัตรเครดิต * จำกัดการรับของรางวัล 1 ชิ้น/ผู้ถือบัตรหลัก 1 ท่าน/ตลอดรายการ

สิทธิพิเศษสำหรับผู้สมัครบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมลส์/พรีเมียร์/เวิลด์/วัน บัตรหลัก พร้อมบัตรยูโอบี แคชพลัส ผ่านช่องทางออนไลน์

คุณสมบัติผู้สมัคร
อายุผู้สมัคร
บัตรหลัก : 20 - 60 ปี
บัตรเสริม : 15 - 80 ปี
รายได้ต่อเดือน
คนไทย : 70,000 บาทขึ้นไป
ต่างชาติ : 100,000 บาทขึ้นไป
อายุงาน
พนักงานประจำ: 4 เดือน (ต้องผ่านการทดลองงาน)
เจ้าของกิจการ : 3 ปี
ระยะเวลาโปรโมชัน : วันนี้ – 11 พ.ย. 67 (บัตรเครดิตต้องได้รับอนุมัติจากธนาคารภายในวันที่ 11 ธ.ค. 67)
 
เงื่อนไขและข้อกำหนดของโปรโมชัน Special Deal
โปรโมชันนี้สำหรับลูกค้าใหม่ที่สมัครบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมลส์/พรีเมียร์/เวิลด์/วัน บัตรหลัก ที่ได้แสดงความประสงค์สมัครบัตรผ่านแบบฟอร์ม ระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม 67 – 11 พฤศจิกายน 67 (Special Deal) และให้ Email Address ในใบสมัคร โดยบัตรเครดิตต้องได้รับการอนุมัติจากธนาคารภายในวันที่ 11 ธันวาคม 67
สำหรับลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมลส์/พรีเมียร์/เวิลด์/วัน บัตรหลัก พร้อมบัตรยูโอบี แคชพลัส จะได้รับโค้ดส่วนลดการบินไทย มูลค่า 4,000 บาท 1 โค้ด โดยลูกค้าต้องมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยูโอบีที่ได้รับการอนุมัติ ตั้งแต่ 12,000 บาทขึ้นไป ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ธนาคารอนุมัติบัตรเครดิต (บัตรยูโอบี แคชพลัสไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติ)

จำกัดการรับโค้ดส่วนลดการบินไทย 1 โค้ด/ผู้ถือบัตรหลัก 1 ท่าน/ตลอดรายการ
ธนาคารจะส่งมอบโค้ดส่วนลดให้แก่ผู้ถือบัตรหลักผ่านทาง SMS ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้กับธนาคาร ภายใน 120 วัน นับจากวันสิ้นเดือนที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่กำหนด

ผู้ที่ได้รับของกำนัลจากโปรโมชันนี้จะไม่มีสิทธิ์ได้รับของกำนัลจากโปรโมชันสำหรับการสมัครบัตรเครดิตยูโอบี ผ่านช่องทางอื่นอีก
ของกำนัล ไม่สามารถแลก/เปลี่ยนเป็นเงินสดหรือโอนให้ผู้อื่นได้
โปรโมชันนี้สำหรับลูกค้าใหม่ที่สมัครบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมลส์/พรีเมียร์/เวิลด์/วัน บัตรหลัก พร้อมบัตรยูโอบี แคชพลัส โดยลูกค้าจะต้องคงสถานะการเป็นสมาชิกบัตรเครดิตและ/หรือ บัตรยูโอบี แคชพลัส และไม่ผิดนัดชำระหนี้จนถึงวันที่ธนาคารมอบของกำนัล

โปรโมชันนี้ให้เฉพาะลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยมีบัตรเครดิตยูโอบี บัตรเครดิต TMRW และบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์ซิตี้ และ/หรือบัตรยูโอบี แคชพลัส หรือเคยถือบัตรเครดิตยูโอบี บัตรเครดิต TMRW หรือบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์ซิตี้ และ/หรือบัตรยูโอบี แคชพลัส และได้ทำการปิดบัญชีบัตร มาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนนับจากวันที่ปิดบัญชีบัตร จนถึงวันที่สมัครบัตรใหม่

สำหรับเกณฑ์การคำนวณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะรวมทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ โดยไม่รวม ยอดใช้จ่ายแบบแบ่งชำระทุกประเภท (ระบบแบ่งจ่ายรายเดือน UOB iPlan, ยอดใช้จ่ายสินค้าที่ทำรายการแบ่งชำระในภายหลังหรือผ่านศูนย์บริการลูกค้าธนาคารยูโอบีโทร 02-285-1555 (IPP Conversion)) การซื้อกองทุนต่างๆ รายการเบิกเงินสดล่วงหน้า รายการ UOB PayAnything โปรแกรมเงินสดทันใจ Fund Transfer รายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ รายการยกเลิกสินค้าและบริการทั้งในและต่างประเทศ รายการคืนเงินที่เกิดจากการขอคืนภาษีในทุกประเภท ดอกเบี้ย ค่าปรับและค่าธรรมเนียมทุกประเภท และรายการใช้จ่ายเพื่อการค้าหรือในเชิงธุรกิจ
ยอดใช้จ่ายนับเฉพาะการใช้จ่ายผ่านบัตรหลักเท่านั้น

การพิจารณาและตัดสินใจใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับรายการส่งเสริมการขายให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของธนาคารแต่เพียงผู้เดียวและถือเป็นที่สิ้นสุด
พนักงานธนาคารยูโอบี จํากัด (มหาชน) และบริษัทในเครือไม่สามารถเข้าร่วมโปรแกรมนี้ได้
การพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิต/สินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร
เงื่อนไขการใช้โค้ดส่วนลดในการซื้อบัตรโดยสารการบินไทย
กรุณาระบุรหัสส่วนลดที่ได้รับจากธนาคารยูโอบี จำกัด เพื่อใช้ในการรับส่วนลดค่าบัตรโดยสารการบินไทย เมื่อสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารภายในวันที่ 30 กันยายน 2568

รหัสส่วนลด 1 รหัสสามารถใช้ได้ต่อการ ซื้อบัตรโดยสาร 1 ครั้ง สำหรับเส้นทางบินในประเทศและระหว่างประเทศ ที่ทำการบินด้วยสายการบินไทย (TG 3 digits)
รหัสส่วนลดสามารถใช้งานได้ เมื่อมูลค่าของบัตรโดยสารมากกว่ามูลค่าของโค้ดส่วนลดเท่านั้น โดยสงวนสิทธิในการคืนเงินหรือมูลค่าส่วนต่างที่เกิดขึ้น (ถ้ามี)
โปรโมชันนี้สำหรับชำระผ่านบัตรเครดิตยูโอบีเท่านั้น
ไม่สามารถใช้ได้กับบัตรโดยสารเด็กและทารก
เฉพาะการชำระค่าบัตรโดยสารเป็นสกุลเงินบาท และสำหรับการเดินทางออกจากประเทศไทยไป-กลับ
รหัสส่วนลด ไม่สามารถใช้ได้กับการสำรองที่นั่งผ่าน THAI โมบายแอปพลิเคชัน

เงื่อนไขบัตรโดยสารขึ้นอยู่กับชนิดของบัตรโดยสาร กรุณาอ่านเงื่อนไขบัตรโดยสารในขั้นตอนการสำรองที่นั่ง
กรณีเปลี่ยนวันเดินทาง จะต้องชำระค่าบัตรโดยสารเต็มจำนวน
ส่วนลดใช้ได้เฉพาะค่าโดยสารเครื่องบิน และไม่สามารถใช้กับค่าภาษีสนามบิน, ค่าออกบัตรโดยสาร,ค่าธรรมเนียมน้ำมัน, ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ และค่าประกันการเดินทาง
ส่วนลดนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด, ต่ออายุ หรือ อื่น ๆ ได้
การบินไทยขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคา และ/หรือ เงื่อนไขต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
บัตรเครดิต : ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
บัตรยูโอบี แคชพลัส : กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี

4
หมอออนไลน์: แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic Ulcer)

แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic Ulcer) คือ แผลที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุของกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น อาการที่พบได้บ่อยคือปวดท้อง มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร หรือการใช้ยาแก้ปวดต้านการอักเสบในกลุ่มเอ็นเสดเป็นเวลานาน เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน เป็นต้น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดอาจทำให้อาการแย่ลงได้ แผลในกระเพาะอาหารพบมากในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หากปล่อยไว้แล้วไม่ได้รับการรักษาจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น และเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้


อาการของแผลในกระเพาะอาหาร

อาการสำคัญของโรคแผลในกระเพาะอาหารคือ ปวดท้องหรือแสบที่กระเพาะอาหาร มักมีอาการตอนท้องว่างหรือประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร อาจตื่นกลางดึกจากอาการปวดหรือแสบท้อง อาการจะดีขึ้นเมื่อรับประทานอาหารหรือยาลดกรด และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยดังต่อไปนี้

    แสบร้อนกลางอก
    คลื่นไส้ อาเจียน
    หายใจลำบาก
    รู้สึกจะเป็นลม
    น้ำหนักลดลง
    เบื่ออาหาร
    อาหารไม่ย่อย
    เรอ แน่นท้อง หรือท้องอืด หลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง

ควรไปพบแพทย์หากพบอาการข้างต้นหรือมีอาการปวดอีกครั้งหลังรับประทานยาลดกรด และควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนหากอาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด รู้สึกเจ็บแปลบที่ท้อง หรือมีอาการแย่ลง


สาเหตุของแผลในกระเพาะอาหาร

ในระบบทางเดินอาหารจะมีชั้นเมือก (Mucous) เคลือบอยู่ หากปริมาณของน้ำเมือกและกรดไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดแผลที่เยื่อบุของกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้นได้ โรคแผลในกระเพาะอาหารมีหลายสาเหตุดังต่อไปนี้

    เชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (H. Pylori) จะอาศัยอยู่ในเยื่อบุกระเพาะอาหาร เป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความเสียหายจากกรดในกระเพาะอาหาร ติดเชื้อได้กับทุกวัย แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดผู้ป่วยบางรายจึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไรได้มากกว่าผู้ป่วยรายอื่น ๆ
    การใช้ยาแอสไพริน (Aspirin) ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) นาโปรเซน (Naproxen) รวมถึงยาแก้ปวดต้านการอักเสบในกลุ่มยาเอ็นเสด (NSAIDs) อื่น ๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่ใช้ยารักษาโรคข้อเข่าเสื่อม รวมถึงการใช้ยาแก้ปวดต้านการอักเสบในกลุ่มเอ็นเสดร่วมกับยาชนิดอื่น ๆ ได้แก่

    ยาสเตียรอยด์ (Steroids)
    ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น เฮพาริน (Heparin) วอร์ฟาริน (Warfarin)
    ยารักษาโรคซึมเศร้า (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors: SSRIs) เช่น ไซตาโลแพรม (Citalopram) ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) ฟลูวอกซามีน (Fluvoxamine) พาร็อกซีทีน (Paroxetine) เซอร์ทราลีน (Sertraline)
    ยารักษาโรคกระดูกพรุน เช่น อะเลนโดรเนท (Alendronate) ไรซีโรเนต (Risedronate)

ปัจจัยอื่น ๆ และพฤติกรรมบางอย่าง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ เช่น

    การสูบบุหรี่
    การดื่มแอลกอฮอล์
    การรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ด
    ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
    พบได้มากขึ้นในผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร
    ผู้ที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia)


การวินิจฉัยแผลในกระเพาะอาหาร

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการของผู้ป่วย ประวัติการใช้ยาแก้ปวดต้านการอักเสบในกลุ่มเอ็นเสดและยาอื่น ๆ รวมถึงตรวจร่างกาย เพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรค หรือทำการทดสอบต่าง ๆ โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้

    การทดสอบการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร ทำได้หลายแบบ เช่น ทางลมหายใจ ทางอุจจาระ หรือทางเลือด โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
    การทดสอบเอนไซม์ยูรีเอส (Urease Test) เป็นวิธีที่ใช้ทดสอบมากที่สุดในประเทศไทย ผู้ที่จะเข้ารับการทดสอบควรหยุดยา Proton Pump Inhibitor: PPI ก่อนการทดสอบอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผลการทดสอบคลาดเคลื่อนได้
    การตรวจหาแบคทีเรียจากอุจจาระ (Stool Antigen Test) โดยใช้ตัวอย่างอุจจาระในผู้ป่วยไปตรวจหาเชื้อแบคทีเรียในห้องปฏิบัติการ
    การตรวจหาแบคทีเรียจากเลือด (Blood Test) เพื่อหาสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี้ต่อเชื้อแบคทีเรีย
    การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น (Gastroscopy) โดยการใส่ท่อขนาดเล็กติดกล้องที่ส่วนปลาย (Endoscope) ผ่านทางปากลงไปยังกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น หรืออาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปทดสอบการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไรร่วมด้วย
    การตรวจกระเพาะอาหารด้วยการกลืนแป้ง (Upper GI Series) เป็นการจำลองภาพของระบบทางเดินอาหารด้วยการเอกซเรย์ร่วมกับการกลืนของเหลวสีขาวที่มีส่วนผสมของแบเรียม ทำให้เห็นภาพของแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นชัดเจนขึ้น


การรักษาแผลในกระเพาะอาหาร

การรักษาทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เช่น การใช้ยา หรือการผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง วิธีการรักษามีรายละเอียดแตกต่างกันดังต่อไปนี้

    การใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) คลาริโธรมัยซิน (Clarithromycin) เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ทินิดาโซล (Tinidazole) เตตราไซคลีน (Tetracycline) ลีโวฟลอกซาซิน (Levofloxacin) เป็นต้น ในการรักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียเอชไพโลไรอาจต้องใช้ยาหลายชนิดเช่น สูตรยา Triple Therapy รับประทานต่อเนื่องนานประมาน 10-14 หลังสิ้ดสุดการใช้ยาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ควรกลับมาทำการทดสอบยืนยัน (Confirmation Test) ว่ากำจัดเชื้อแบคทีเรียได้สำเร็จหรือไม่ ด้วยการทดสอบแบบ Non-Invasive: UBT หรือการตรวจอุจจาระ เป็นการตรวจที่ราคาไม่แพงและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหารที่มีเชื้อเอชไพโลไร ผู้ป่วยที่มีอาการอาหารไม่ย่อยเป็นประจำ (Persistent Dyspepsia) ผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด MALT และผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารระยะเริ่มต้นที่ได้รับการตัดรอยโรคหรือตำแหน่งที่มีความผิดปกติออกแล้ว
    การใช้ยา Proton pump inhibitors: PPIs เช่น โอเมพราโซล (Omeprazole) แลนโซพราโซล (Lansoprazole) ราบีพราโซล (Rabeprazole) อีโซเมปราโซล (Esomeprazole) แพนโทพราโซล (Pantoprazole) เป็นต้น เพื่อยับยั้งการสร้างกรดและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร หากใช้ยาในปริมาณมากและเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เช่น วิงเวียน ปวดศีรษะ ท้องเสียหรือท้องผูก ปวดท้อง รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อกระดูกสันหลัง กระดูกข้อมือ หรือกระดูกสะโพกหักได้
    การใช้ยา H2-Receptor Antagonists เช่น แรนิทิดีน (Ranitidine) ฟาโมทิดีน (Famotidine) ไซเมทิดีน (Cimetidine) เป็นต้น เพื่อยับยั้งการสร้างกรดและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
    การใช้ยาเคลือบกระเพาะอาหาร เช่น ซูคราลเฟต (Sucralfate) ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) เป็นต้น เพื่อปกป้องเยื่อบุในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กจากการทำลายของกรด
    การผ่าตัด มักใช้ในผู้ป่วยที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารแล้วไม่เข้ารับการรักษา มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กฉีกขาด เป็นต้น
    การปรับการใช้ยาในผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหารที่มีสาเหตุมาจากการใช้ยาเอ็ดเสด (NSAIDs) โดยเปลี่ยนเป็นพาราเซตามอลหรือยาแก้ปวดต้านการอักเสบในกลุ่มเอ็นเสดอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้น้อยกว่า เช่น เซเลโคซิบ (Celecoxib) ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม COX-2 Inhibitor เป็นต้น

ในผู้ป่วยบางรายอาจเป็นแผลในกระเพาะอาหารชนิดที่รักษาไม่หาย (Refractory Ulcers) โดยเฉพาะบุคคลดังต่อไปนี้

    ผู้ที่ไม่รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
    ผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไรบางชนิดดื้อต่อการใช้ยาปฏิชีวนะ
    ผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่
    ผู้ที่ใช้ยาบรรเทาอาการปวดที่เพิ่มความต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน นาโปรเซน เป็นต้น
    ผู้ที่ร่างกายผลิตกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการโซลลิงเจอร์-เอลลิสัน (Zollinger-Ellison Syndrome)
    ผู้ที่มีการติดเชื้อนอกเหนือจากเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร
    ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
    ผู้ที่เป็นโรคซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เช่น ผู้ป่วยโรคโครห์น (Crohn's Disease)

ภาวะแทรกซ้อนของแผลในกระเพาะอาหาร

แผลในกระเพาะอาหาร หากปล่อยไว้แล้วไม่ได้รับการรักษาจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น และเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ดังต่อไปนี้

    เลือดออกภายในช่องท้อง เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้มาก อาจเกิดขึ้นได้ 2 กรณี ในกรณีที่เลือดออกช้าและเป็นเวลานาน ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย หายใจหอบ ผิวซีด หัวใจเต้นแรงจนสังเกตได้ วิงเวียนศีรษะ อุจจาระเป็นเลือดหรือมีสีดำ อาเจียนเป็นเลือด เป็นต้น
    อวัยวะภายในช่องท้องทะลุ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ยาก แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในเยื่อบุกระเพาะอาหารเล็ดลอดออกไป ทำให้เกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) ติดเชื้อในกระแสเลือด การทำงานของอวัยวะภายในร่างกายล้มเหลว หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิต
    ทางเดินอาหารอุดตัน จากอาการบวมหรือแผลที่เป็นผลมาจากแผลในกระเพาะอาหารทำให้อาหารเคลื่อนตัวผ่านได้ยากขึ้น ผู้ป่วยจะอาเจียนเป็นอาหารที่ยังไม่ผ่านการย่อยในปริมาณมาก ท้องอืด รู้สึกอิ่มมากหลังการรับประทานอาหารมื้อเล็ก หรือน้ำหนักลดลง

การป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือวิถีชีวิตบางอย่างอาจป้องกันหรือบรรเทาอาการของแผลในกระเพาะอาหาร โดยปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซี รวมถึงอาหารที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีชีวิต (Probiotics) เช่น โยเกิร์ต ชีส
    หลีกเลี่ยงการดื่มนม เพราะอาจช่วยลดอาการปวดท้องในเบื้องต้น แต่จะเพิ่มปริมาณของกรดในกระเพาะอาหารและทำให้มีอาการปวดที่รุนแรงมากขึ้นในภายหลัง
    หากใช้ยาบรรเทาอาการปวดเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาบรรเทาอาการปวดอื่น ๆ เช่น เลือกใช้พาราเซตามอล หรืออะเซตามิโนเฟน เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
    จัดการหรือรับมือกับความเครียดด้วยการออกกำลังกาย ใช้เวลากับเพื่อน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชื่นชอบ เพราะหากความเครียดลงกระเพาะอาจทำให้อาการของแผลในกระเพาะอาหารแย่ลงได้
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำปริมาณกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น และอาจส่งผลต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร
    ลดปริมาณหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจะไปกัดชั้นเมือกในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคือง เป็นสาเหตุให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ และไม่ควรรับประทานยาพร้อมกับการดื่มแอลกอฮอล์
    ล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง รวมถึงหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารในช่วงก่อนนอน

5
งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร์ NETA ส่งแคมเปญ Golden Miles แจกหนัก ให้นักสะสมเลขไมล์ ร่วมลุ้นเป็นเจ้าของ NETA X หรือทองคำ รวมกว่า 2 ล้านบาท

บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เดินหน้าเปิดตัวแคมเปญส่งท้ายปี รับเทศกาลแห่งความสุข โกลเด้น ไมล์ (Golden Miles) NETA แจกหนัก ให้นักสะสมเลขไมล์ ชวนบอกลาค่าน้ำมัน ยิ่งเลขไมล์เยอะยิ่งเพิ่มโอกาส รับรางวัลใหญ่ ถึง 10 รางวัล สำหรับเจ้าของรถที่เลขไมล์สะสมสูงสุด 10 อันดับแรก ลำดับที่ 1 ถึง 9 ได้รับสร้อยคอทองคำ 2 สลึง ลำดับที่ 10 ได้ NETA X รุ่น 401 Comfort และยังมีรางวัลพิเศษอื่น ๆ อีกมายมายเมื่อทดลองขับ หรือจองรถ รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท สามารถร่วมแคมเปญ โกลเด้น ไมล์ ตั้งแต่ 18 พฤศจิกายน 2567 ถึง 16 ธันวาคม 2567 ประกาศผู้โชคดี 25 ธันวาคม 2567
 
มร. ชู กังจื้อ (Mr. Shu GangZhi) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 NETA Auto ขอขอบคุณในความเชื่อมั่น และไว้วางใจของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อ   แบรนด์ NETA เราอยากชวนลูกค้าที่ปัจจุบันใช้รถน้ำมัน เปลี่ยนจากใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน มาร่วมทดลองรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของ NETA ด้วยแคมเปญ ‘โกลเด้น ไมล์ (Golden Miles) NETA แจกหนัก ให้นักสะสมเลขไมล์’ เพียงทดลองขับ หรือ จองรถ NETA V-II หรือ NETA X ทุกรุ่น รับบัตรของขวัญโลตัส และร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นรถที่เลขไมล์สะสมสูงสุด 10 อันดับแรก     เพิ่มโอกาสคว้ารางวัลรถ NETA X รุ่น 401 Comfort หรือ สร้อยคอทองคำ รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท”

รายละเอียดแคมเปญ:

1. ลงทะเบียน และทดลองขับ NETA X หรือ NETA V-II ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 – 16 ธันวาคม 2567
รับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 100 บาท (จำนวน 6,000 รางวัล) จำนวนจำกัด หรือจนกว่าของจะหมด
2. จองรถ NETA X หรือ NETA V-II ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 – 16 ธันวาคม 2567 และออกรถ NETA V-II หรือ NETA X
รุ่น 401 Comfort ภายใน 31 ธันวาคม 2567 หรือ รับรถยนต์ NETA X รุ่น 480 Smart ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
รับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 500 บาท (จำนวน 1,200 รางวัล) จำนวนจำกัด หรือจนกว่าของจะหมด
3. ลงทะเบียนร่วมแคมเปญ เพิ่มโอกาสเป็น 1 ใน 10 เจ้าของรถที่เลขไมล์สูงที่สุด คว้ารางวัลใหญ่ 10 รางวัล*
รับสร้อยคอทองคำ รางวัลละ 2 สลึง มูลค่ารางวัลละ 23,740 บาท (ราคา ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567) จำนวน 9 รางวัล สำหรับเจ้าของรถที่มีเลขไมล์สูงที่สุด ลำดับที่ 1 – 9
รับรถ NETA X รุ่น 401 Comfort มูลค่า 739,000 บาท จำนวน 1 รางวัล สำหรับเจ้าของรถที่มีเลขไมล์สูงที่สุด ลำดับที่ 10
*ต้องเป็นเจ้าของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยกเว้นระบบ BEV ขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รย.1) ในนามบุคคลธรรมดาที่มีเลขไมล์สะสมตั้งแต่ 50,000 กม.ขึ้นไป

ประกาศผลของรางวัลสำหรับผู้โชคดี ทาง Facebook Official ของ NETA Auto Thailand วันที่ 25 ธันวาคม 2567
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถตรวจสอบเงื่อนไข

6
โรคหัวใจมีอาการอย่างไร

อาการของโรคหัวใจขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ

    อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ
        เจ็บแน่นหน้าอก มักมีอาการแน่น อึดอัด เหมือนมีสิ่งกดทับกลางอก อาจมีอาการปวดร้าวไปกราม ไหล่ หรือแขนซ้าย มักเป็นมากขึ้นเมื่อออกกำลังและหากมีอาการรุนแรงอาจมีอาการเมื่ออยู่เฉย ๆ
        เหนื่อยง่ายหายใจถี่
        นอนราบไม่ได้
        บวม
        หัวใจเต้นผิดจังหวะ
        หน้ามืดหมดสติ

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Heart Arrhythmias)
    หัวใจของคุณอาจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือไม่สม่ำเสมอ อาการของหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจรวมถึง
        หัวใจเต้นสะดุด หรือเต้นเร็ว ๆ รัวๆ (Heart Palpitations)
        เจ็บหน้าอกหรือรู้สึกไม่สบาย (Chest pain or discomfort)
        หายใจถี่ (Shortness of breath) หอบง่าย (Dyspnea on exertion)
        มึนศีรษะ (Lightheadedness)
        วิงเวียนศีรษะ (Dizziness)
        เป็นลมหมดสติ (Syncope)

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากหัวใจพิการแต่กำเนิด (Heart Defects)
    ความบกพร่องของหัวใจพิการแต่กำเนิด มักจะสังเกตเห็นได้หลังคลอดไม่นาน โดยมักมีสัญญาณและอาการผิดปกติของหัวใจในเด็กอาจรวมถึง
        สีผิวซีดเทา เขียว
        อาการบวมที่ขา หน้าท้อง หรือบริเวณรอบดวงตา
        ในทารกมักมีอาการหายใจถี่ระหว่างการให้น้ำนม ทำให้น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น
        นิ้วปุ้ม (Clubbing of fingers)

ความบกพร่องของหัวใจพิการแต่กำเนิดที่รุนแรงน้อยกว่ามักไม่ได้รับการวินิจฉัยจนกว่าจะถึงในวัยเด็กหรือในวัยผู้ใหญ่ สัญญาณและอาการของความบกพร่องของหัวใจพิการแต่กำเนิดมักไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตในทันที ได้แก่

        หายใจไม่ออกระหว่างออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ
        เหนื่อยง่ายระหว่างออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม
        อาการบวมที่มือ ข้อ หรือเท้า
        ปากและเล็บเขียวคล้ำ

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy)
    ในระยะแรกของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ อาจไม่แสดงอาการ แต่เมื่ออาการรุนแรงขึ้น สามารถสังเกตได้จาก
        หายใจไม่ออกขณะทำกิจกรรมหรือพักผ่อน
        อาการบวมที่ขา ข้อ และเท้า
        อาการเหนื่อยล้า เหนื่อยง่าย หายใจถี่
        นอนราบไม่ได้
        การเต้นของหัวใจผิดปกติ
        เวียนศีรษะ มึนงง และเป็นลม


อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากการติดเชื้อ (Heart Infection)

    เยื่อบุหัวใจอักเสบ คือการติดเชื้อที่มีผลต่อเยื่อบุด้านในของห้องหัวใจและลิ้นหัวใจ (Endocardium) สัญญาณและอาการของการติดเชื้อที่หัวใจอาจรวมถึง
        มีไข้หายใจถี่
        อ่อนแอ เหนื่อยล้า
        มีอาการบวมที่ขาหรือหน้าท้อง
        การเต้นของหัวใจผิดปกติ
        อาการไอแห้ง
        มีผื่นขึ้นหรือมีจุดที่ผิวหนัง เล็บ ขึ้นผิดปกติ

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว (Valvular Heart Disease)
    ลิ้นหัวใจทำหน้าที่เปิดและปิดเพื่อให้เลือดไหลผ่านหัวใจในทิศทางเดียว ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำลายลิ้นหัวใจได้ โดยอาการแสดงของโรคลิ้นหัวใจตีบและรั่วอาจรวมถึง
        อาการเหนื่อยล้า
        หายใจถี่ เหนื่อยง่าย
        การเต้นของหัวใจผิดปกติ
        เท้าหรือข้อเท้าบวม เจ็บหน้าอก
        เป็นลมหมดสติ


ควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการเหล่านี้

    เจ็บหน้าอก
    หายใจถี่ เหนื่อยง่าย
    เป็นลม

โรคหัวใจจะรักษาได้ผลดีหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับอาการของคุณ หากคนในครอบครัวของคุณมีประวัติเป็นโรคหัวใจ นี่คือสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงโรคหัวใจ


สาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ

สาเหตุของโรคหัวใจขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจนั้น ๆ สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจจากภาวะการเสื่อมของหลอดเลือด มีสาเหตุไม่ชัดเจนแต่พบว่าสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยปัจจัยเสี่ยงแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ

    ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้และสามารถปรับเปลี่ยนได้
    ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เช่น อายุ เพศ หรือประวัติสุขภาพของคนในครอบครัว แต่สามารถชะลอโรคด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่บริหารเองได้เพื่อป้องกันโรคหัวใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ

    อายุ - การมีอายุมากขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงของหลอดเลือดแดงที่เสียหาย ตีบและกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
    เพศ - ผู้ชายทั่วไปมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากกว่า แต่สำหรับผู้หญิงจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหลังหมดประจำเดือน
    ปัจจัยทางพันธุกรรม - ครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหัวใจจะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพ่อแม่เป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย (ก่อนอายุ 55 ปีสำหรับผู้ชาย และ 65 สำหรับผู้หญิง)
    สูบบุหรี่ - สารนิโคตินทำให้หลอดเลือดของคุณมีสภาวะหดตัว และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์สามารถทำลายเยื่อบุชั้นในได้ จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่ายขึ้น โดยอาการหัวใจวายพบได้บ่อยในผู้สูบบุหรี่มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
    การกินอาหารแบบผิด ๆ - อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เกลือ น้ำตาล และคอเลสเตอรอลสูง สามารถทำให้เกิดโรคหัวใจได้
    ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาจส่งผลให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวและหนาขึ้นทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง
    ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง - ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดที่สูงโดยเฉพาะชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL-cholesterol) สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
    โรคเบาหวาน - โรคเบาหวานเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
    โรคอ้วน - น้ำหนักส่วนเกินมักทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงเพิ่มมากขึ้น
    การขาดการออกกำลังกาย - มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ
    ความเครียด - ปัจจัยเสี่ยงทางด้านจิตใจ อาจส่งผลไปกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติที่กระตุ้นหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการของโรคหัวใจมากขึ้น
    สุขภาพฟันที่ไม่ดี - พบรายงานแพทย์ถึงโรคฟันและเหงือกอักเสบสัมพันธ์กับการเกิดอาการของโรคหัวใจมากขึ้น


ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจ

    ภาวะหัวใจล้มเหลว
    เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดของโรคหัวใจ เกิดขึ้นเมื่อหัวใจของคุณไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ภาวะหัวใจล้มเหลวอาจเป็นผลมาจากโรคหัวใจหลายประเภท รวมถึงความบกพร่องของหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โรคลิ้นหัวใจ การติดเชื้อที่หัวใจ
    หัวใจวาย หากเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันกระทันหัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ไฟฟ้าหัวใจผิดปกติจนเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะร้ายแรงจนหัวใจหยุดเต้น (cardiac arrest)
    โรคหลอดเลือดสมอง
    คือ ปัจจัยเสี่ยงสามารถนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองของคุณแคบลงหรือถูกปิดกั้นทำให้เลือดเข้าสู่สมองไม่เพียงพอ ส่งผลให้สมองขาดเลือด
    หลอดเลือดแดงโป่งพอง
    เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกายโดยหากหลอดเลือดโป่งพองแตก จะทำให้เกิดภาวะเลือดออกภายในอย่างมากและรวดเร็ว เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
    โรคหลอดเลือดส่วนปลาย
    หากเป็นโรคหลอดเลือดส่วนปลาย สิ่งนี้ทำให้เกิดอาการปวดแขนหรือขาเมื่อออกแรง เหตุเพราะเลือดไปเลี้ยงได้ไม่เพียงพอ (Claudication) และหากอุดตัน จะทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อส่วนปลาย เช่น เท้า ได้
    ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน
    คือ การสูญเสียการทำงานของหัวใจ การหายใจและหมดสติอย่างกะทันหันโดยไม่คาดคิด ซึ่งมักเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะร้ายแรง ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันเป็นภาวะฉุกเฉิน หากไม่ได้รับการรักษาทันทีจะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจตายอย่างกะทันหัน


การป้องกันโรคหัวใจ

ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจแม้ไม่มีสาเหตุเฉพาะเจาะจงชัดเจน แต่ก็มีปัจจัยสิ่งหลายอย่างที่หากเราควบคุมได้ดีจะช่วยลดโอกาสโรคหลอดเลือดหัวใจลงได้มาก เช่น

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    ควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินมาตรฐาน ควบคุมคอเลสเตอรอล และเบาหวาน
    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
    รับประทานอาหารที่มีเกลือและไขมันอิ่มตัวต่ำ
    ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน
    ลดความเครียด
    ฝึกสุขอนามัยที่ดี

วิธีรักษาโรคหัวใจเพื่อลดความเสี่ยงของโรค

การวินิจฉัยโรคหัวใจ

แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและสอบถามประวัติของคนไข้และครอบครัว นอกจากการสอบถามประวัติโดยละเอียด การตรวจร่างกายการตรวจเลือด และเอกซเรย์ทรวงอกแล้ว การทดสอบพิเศษทางหัวใจต่างๆจะช่วยในการวินิจฉัย เช่น

    การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG)
    คลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นการตรวจทดสอบที่รวดเร็วและไม่เจ็บปวด
    เครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง หรือ Ambulatory ECG Monitoring หรือ Holter ECG
    เป็นอุปกรณ์ ECG แบบพกพาที่สามารถใส่เพื่อบันทึกจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่องโดยปกติจะใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง การตรวจสอบ โดยใช้เพื่อตรวจจับปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่พบในระหว่างการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ
    การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Echocardiogram
    เป็นการทดสอบแบบใช้คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ เพื่อสร้างภาพและตรวจวัดโครงสร้างหัวใจโดยละเอียด ขนาดของหัวใจการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจลิ้นหัวใจผนังกั้นและผนังหุ้มหัวใจ
    Stress Test
    เป็นการทดสอบการเพิ่มอัตราการเต้นและบีบตัวของหัวใจด้วยการออกกำลังกาย หรือยา และวัดการตอบสนองทั้งชีพจรความดันโลหิตความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจและบางรายวัดความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจโดยการตรวจ Echocardiogram (Stress Echocardiogram) ช่วยในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางครั้งประเมินหลอดเลือดและสมรรถภาพการบีบตัวของกล้ามเนื้อที่ผนังหัวใจ
    การสวนหัวใจ
    เป็นการใส่ท่อสั้น ๆ เข้าไปในหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดงบริเวณขาหรือแขน เพื่อตรวจวัดภายในห้องหัวใจโดยตรงหรือการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ หรือผนังกั้นหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
    การสแกนเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หัวใจ หรือ CT SCAN
    เป็นการทดสอบแบบใช้เอ็กซเรย์เพื่อสร้างภาพโครงสร้างโดยละเอียด เพื่อวัดคะแนนหินปูนของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Score) และหากฉีดสารทึบรังสีด้วย จะได้ภาพของหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดแดงใหญ่ หลอดเลือดปอด เพื่อวินิจฉัยโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ผนังหัวใจ


การรักษาโรคหัวใจ

ชนิดการรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ โดยทั่วไปมักประกอบด้วย:

    การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
    ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ด้วยการรับประทานอาหารสุขภาพ เช่น ลดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เกลือโซเดียมสูง ไขมันอิ่มตัวสูง คอเลสเตอรอลสูง รับประทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวโอเมก้า 3 แทน เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้หลากหลายชนิด ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    ยา
    หากการปรับเปลี่ยงวิถีชีวิตเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ แพทย์อาจจ่ายยาเพื่อควบคุมโรคหัวใจหรือปัจจัยเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ

การรักษาอื่น ๆ นอกจากการรับประทานยา

    การรักษาด้วยหัตถการหลอดเลือดหรือการผ่าตัด
        การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด
        การขยายลิ้นหัวใจที่ตีบด้วยบอลลูน
        การใส่ลิ้นหัวใจเทียมแทนลิ้นหัวใจที่ตีบจากการเสื่อมสภาพ โดยการสอดใส่ผ่านทางหลอดเลือด
        การปิดกั้นผนังกั้นหัวใจที่รั่วด้วยอุปกรณ์พิเศษผ่านทางหลอดเลือด
        การจี้หัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูงโดยการใส่สายผ่านทางหลอดเลือด
        การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจชนิดถาวร
        การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ
        การผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจโดยใช้หลอดเลือดของผู้ป่วยเอง (Coronary artery bypass graft surgery)
        การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียม
    การรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด
    ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้สามารถกลับมาแข็งแรงใช้ชีวิตประจำวันได้ และหากเป็นไปได้ให้สามารถออกกำลังกายได้มากขึ้น เพื่อช่วยในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงลดอาการโรคหัวใจได้ดีขึ้น โดยในช่วงแรกอาจอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดของแพทย์และนักกายภาพบำบัด และค่อย ๆ ปรับเพิ่มโปรแกรมที่สามารถทำได้เองมากขึ้นจนสามารถปฏิบัติเองได้ที่บ้านทั้งหมด

7
งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร์ OMODA C5 EV SUV ไฟฟ้าที่คุ้มราคาสุดในตอนนี้

OMODA C5 EV รถยนต์ไฟฟ้าล้วนหนึ่งในแบรนด์ Chery ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ติดอันดับ TOP 10 ในประเทศจีน แต่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา โดยเจ้ารุนที่นำมาลองขับคือ OMODA C5 EV Long Range Ultimate แม้ว่าจะยังเป็นน้องใหม่ในประเทศไทย อาจจะยังไม่ค่อยเห็นโชว์รูมมากนัก แต่ด้วยตัวรถแล้วมีเทคโนโลยีที่ไม่น้อยไปกว่าค่ายอื่น ๆ หรือค่ายเจ้าตลาดเลย และยิ่งเปิดราคาในรุ่นท็อปออปชั่นครบไม่ข้ามล้านบาท นับว่าเป็นรุ่นที่น่าจับตาและต้องขอลองใช้ดูสิว่ามีข้อดีข้อด้อยอย่างไร แค่ไหน รับได้หรือไม่? กับ 5 วันเต็ม ๆ ลองเล่นระบบต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
 
ภายนอกและภายใน

รูปลักษณ์ภายนอกแล้วแต่คนจะมองส่วนตัวเฉย ๆ แต่ชอบความเป็นรถยกสูงอเนกประสงค์ที่ไม่ต้องพะวงกับถนนเมืองไทยและน้ำท่วมได้ระดับหนึ่ง ไฟหน้า LED ปรับสูงต่ำอัตโนมัติและตั้งระดับไฟหน้าบนจอกลางได้เองอีกด้วย และยังมีไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวเมื่อหมุนพวงมาลัย ไฟตัดหมอกที่มีมุมส่องสว่างกว้างกว่าปกติจะติดขึ้น ทำให้เห็นสภาพถนนเมื่อเลี้ยวในที่มืดได้ดี อันนี้ถือว่าดีมากเพราะเป็นออปชั่นที่ส่วนมากจะมีในรถระดับพรีเมี่ยมราคาสูง ๆ 
 
ด้านข้างรูปทรงแบบ SUV หรือจะเรียก "Crossover" น่าจะเหมาะกว่าเพราะไม่ใช้รถที่สูงมากนักขึ้นลงสะดวกสบาย ราวหลังคามีให้ (เฉพาะรุ่น Long Range Ultimate) หลังคาซัฟรูปเปิดปิดไฟฟ้าพร้อมแผ่นบังแดดเลื่อนด้วยมือ ถัดมาด้านหลังไฟท้าย LED ทรงแปลกตา มองผ่าน ๆ มีความคล้ายกับรถค่ายญี่ปุ่นบางรุ่น ไฟตัดหมอกหลัง เสาอากาศครีบฉลาม ฝาท้ายแบบไฟฟ้าพร้อมระบบ HandFree เพียงมีกุณแจติดตัวและเดินเข้ามาใกล้เมื่อมีสัญญาณดังและไฟเลี้ยวกระพริบ ประตูท้ยจะเปิดอัตโนมัติ แต่ว่าตอนปิดไม่มีปิดให้ครับยังต้องกดปุ่มปิดอยู่!!! (อ่าวทำไมงั้น) เพราะว่าลองเดินถอยออกอยู่หลายครั้งก็ไม่ปิดจนต้องกดปิดเอง
 

สำหรับมิติตัวรถกว้าง 1,830 มม. ยาว 4,424 มม.  สูง 1,588 มม. และ ฐานล้อ 2,630 มม. ความสูงใต้ท้องคันนี้อยู่ที่ 165 มม. ภายในภาพรวมจะมีความกว้างขวางพอ ๆ กับรถระดับเซกเมนต์เดียวกันคือ พอกับ HR-V, Corolla Cross/Yaris Cross  พื้นที่เก็บสัมภาระแบบไม่พับเบาะ 380 ลิตร ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยาง 215/55 R18 จาก Kumho Ecsta PS71 
 
ภายในเน้นเรียบหรูดูง่ายสบายตา ใช้วัสดุค่อนข้างเนียมเกินราคาอยู่บ้างในบางจุด แต่ก็ยังมีบางจุดที่ยังไม่สุด เช่น ปุ่มใช้งานบนพวงมาลัยที่ให้ความทันสมัยด้วยไฟเรืองแสง แต่เมื่อกดลงไปยังรู้สึกว่าไม่ค่อยแน่นหรือยังกลัวว่าปุ่มจะพังเร็ว ๆ ประมาณนี้ แต่ก็ยังใช้งานได้ปกติ เท่าที่ใช้งานในสวิตช์ต่าง ๆ ยังไม่เจออะไรผิดปกติ
 
ความสะดวกสบายที่ C5 ให้มายังมีความง่ายและสะดวดในการใช้งานเพราะมีปุ่มสั่งงานอื่น ๆ แยกออกมาจากจอกลาง เช่น ปรับกระจกมองข้าง, ปรับโหมดขับขี่, เพิ่ม/ลดแสงหน้าจอ, เปิดกระโปรงท้าย, ไฟตัดหมอก และที่สำคัญคือ ปรับช่องแอร์ด้วยมือปกติ
 
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะข้างคนขับปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สัมผัสนุ่มนั่งสบายพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศนี่เป็นออปชั่นที่คุ้มเกินราคาอีกจุดนึง แต่ขนาดตัวเบาะเล็กเมื่อเทียบกับขนาดตัวผู้ทดสอบ (เบาะขนาดประมาณะนิสสัน คิสก์) และพวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมทั้งฝั่งของเครื่องเสียงหรือจอกลางและมาตรวัดคนขับที่เปิด-ปิดระบบควบคุมความเร็วแปรผันได้ด้วย ปรับได้แต่ขึ้น-ลง เท่านั้น
 
มาตรวัดคนขับและจอกลางรวมขนาด 24.6 นิ้ว ไม่ได้แยกขนาดมาให้คาดว่าแต่ละจอกว้างขนาดราว ๆ 12.3 นิ้ว ฝั่งคนขับแสดงข้อมูลการขับขี่ทุกระบบตั้งแต่ความเร็ว ระดับแบตฯ ระยะทางคงเหลือ, ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ ระบบความปลอดภัย, และสามารถดูแผนที่ของตัวรถเองได้พร้อมขยายให้ใหญ่เต็มจอได้อีกด้วย (เฉพาะแผนที่ติดรถเท่านั้น) นอกจากนี้ที่คอพวงมาลัยด้านบนยังมีระบบตรวจจับผู้ขับขี่เตือนการเมื่อยล้าหรือเกิดเหตุไม่คาดคิด ระบบจะเตือนตลอดเวลาเมื่อคนขับไม่มีสมาธิ 
 
ระบบแอร์อัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้ายขวาพร้อมช่องแอร์ตอนหลัง ระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยมลำโพงจาก  SONY พร้อมลําโพง 8 ตําแหน่ง รองรับ Apple CarPlay™ และ Android Auto   กระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบลดเสียงรบกวนภายนอก กระจกคู่หลังแบบ privacy glass สีเข้มจากโรงงานแต่ก็ต้องติดฟิลม์กันร้อนเพิ่มอีกทีนะเพราะทนแดดบ้านเราไม่ไหว

ความสะดวกสบาย กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ กระจกมองข้างแบบไล่ฝ้า ฟังก์ชันไฟส่องนําทางหลังดับเครื่อง สายไฟ V2L ระบบกุญแจแบบ Keyless เดินห่างตัวรถจะล็อคอัตโนมัติและเมื่อเดินเข้าใกล้จะเปิดอัตโนมัติ
 
โดยรวมภายในคิดว่าอยู่ระดับกลาง ๆ คือ ไม่ทันสมัยล้ำอนาคตมากเกินไปนักแต่ใช้งานง่ายมาก แทบไม่ต้องปรับตัวใหม่เลย ทั้งสวิสต์ต่าง ๆ การเปิด-ระบบความปลอดภัย แม้จะใช้บนหน้าจอบ้างแต่ก็ยังมีคีย์ลัดแค่ปัดลงบนจอ หรือจะตั้งค่าการีเจน ระบบปรับระดับไฟหน้า ระบบแอร์ก็ทำได้สะดวก และยิ่งมีสวิสต์กระจกขึ้นลงอัตโนมัติทั้ง 4 บานและช่อง USB ทั้งหน้าหลัง เบาะหลับพับได้ 60 : 40 นับว่าเป้นรถที่มีฟังก์ชั่นครบถ้วนรุนหนึ่งเลยทีเดียวครับ
 
ความปลอดภัยเลิศมาก...! เมื่อเทียบราคานี้
 
ความปลอดภัย ADAS L 2.5
ระบบความปลอดภัยในคันนี้ถือว่าเยอะมาก ๆและคุ้มเงินที่จ่ายไปแล้วได้ฟังก์ชั่นเทียบเท่ากับรถราคาข้ามล้าน อย่างเช่นง่าย ๆ เลยครับ แค่ระบบไฟส่องขณเลี้ยวนี่ก็หายากในรถระดับนี้แล้ว หรือระบบ ระบบกุญแจแบบ Keyless ที่แค่เดินเข้า/ออกห่างรถก็ต้อนรับ ระบบเปิดกระจกหน้าต่างด้วยรีโมท ระบบสั่งการทํางานระบบปรับอากาศผ่านรีโมท กระจกหน้าต่างควบคุมด้วยระบบ one-touch ระบบ
 

ระบบ ADAS L 2.5 ล่าสุดอีกเพียบ
ระบบการช่วนเหลือขับขี่ให้มาครบถ้วนเทียบเท่ารถระดับล้าน โดยจะมีทั้งส่วนระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุภายในชื่อ ADAS ที่มั่นใจได้ใช้กันในรถหลายรุ่นทั่วโลกและยังเป็นเวอร์ชั่นใหม่คือ L 2.5 อีกด้วย โดยจะมีระบบที่ให้มาแบบล้น ๆ ดังนี้
ระบบช่วยเหลือขับขี่กึ่งอัตโนมัติ
ระบบเตือนการออกนอกเลน LDW
ระบบป้องกันการออกนอกเลน LDP
ระบบช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน LCA
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW
ระบบเตือนการชนด้านหลัง RCW
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ELK
ระบบแจ้งเตือนการออกตัว
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC
ระบบรักษารถให้อยู่กลางเลน ICA
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ TJA
ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ DMS
การทำงานค่อนข้างจะแม่นและตอบสนองไวถึงไวมาก(เกิน)ไป จนบางครั้งใช้ในสภาพการจราจรหนาแน่นมักจะเตือนตลอดเวลาและจะมีการคอยเตือนเบรกหรือบางครั้งก็จะลดความเร็วเอง เพียงแค่มีรถเบี่ยงมาใกล้ ๆ ทำให้ใช้งานจริงจะลำบาก ส่วนตัวที่ลองใช้งานมากจะเน้นเปิดระบบเตือนชนด้านหน้า เป็นหลัก ตัวช่วยให้รถอยู่ในเลนและออกนอกเลนอาจจะไม่ค่อยได้ใช้งานนนัก แต่ระบบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC นับว่าใช้งานได้ดีแม่นยำและไว้ใจได้พอสมควรเลยครับ เพราะช่วงรถติดหนัก ๆ ไหล ๆ สลับหยุดนิ่งระบบนี้ช่วยผ่อนคลายลดความเมื่อยได้ดีมาก ๆ และทำงานสมูทความที่คิดคือ ไม่เร่งกระชากมากนักและการชะลอหรือเบรกก็นุ่มนวล แม้จะยังไม่เท่าระบบนี้ในรถค่ายญี่ปุ่นและยุโรปแต่ก็นับว่าพอใจ
 

ระบบช่วยให้ขับขี่ง่ายและปลอดภัยขึ้นมีดังนี้
เซ็นเซอร์ช่วยจอดรถด้านหน้าและด้านหลัง
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบช่วยเบรก BAS
ระบบลดกําลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก BOS
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA
ระบบช่วยลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ RSC
ระบบป้องกันรถไหลเมื่อขึ้นทางลาดชัน HAC
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC
ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
ระบบจํากัดความเร็ว
ระบบเตือนการออกนอกเลน LDW
ระบบป้องกันการออกนอกเลน LDP
ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA
ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง RCTB
ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา BSD
ระบบเตือนเมื่อเปิดประตู DOW
ในส่วนที่ชอบและใช้งานประจำน่าจะ "ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา BSD" หรือ "ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA"  กับ "ระบบเตือนเมื่อเปิดประตู DOW" ที่ได้ใช้งานในทุกครั้งที่ขับไปไหนมาไหนและต้องจอดรถ และระบบกุญแจที่เข้าใกล้ ๆ รถก้จะเปิดล็อคประตุและไฟต้อนรับ เมื่อลงรถแค่เดินห่างออกมารถก็จะล็อคให้อัตโนมัติ นับว่าเปนระบบที่สะดวกสบายมาก ๆ เลยครับ
 

พลังมอเตอร์ 204 แรงม้า 340 นิวตันเมตร วิ่งได้ 505 กม.(NEDC)

สมรรถนะพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าขนาด 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร เกินพอในการขับขี่ใช้งานทั่วไปแบบสบาย ๆ ส่วนระยทางที่วิ่งได้จากโรงงานเคลมไว้ 505 กม. (NEDC) แต่เมื่อชาร์จเต็ม 100% จริง กลับแสดงระยะทางจริงบนมาตรวัดเพียง 406 - 422 กม. แล้วแต่ครั้ง ไม่ตรงกัน!!! อันนี้ตาดว่า...น่าจะเป็นการคำนวนการขับขี่ที่ผ่านมาทำให้แสดงระยะทางที่วิ่งได้ตามพฤติกรรมการขับขี่

อัตราเร่งแรง รวดเร็ว และกระชากพอตัว การตอบสนองการเหยียบคันเร่งไวมาก ๆ จนต้องปรับตัวและระยะการตอบสนองคันเร่งจะยังไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่ มีอาการไม่ตามเท้าเวลาเหยียบหรือถอนคันเร่ง จะรู้สึกว่าไม่อากรมอเตอร์จะไม่พอดีกับคันเร่งที่ใช้จริง แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีครับ ปรับตัวเล็กน้อยก็คุ้นเคยและขับได้ไม่มีปัญหาแล้ว
 
ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลเวลาขับผ่านเนินชะลอความเร็ว แต่ก็ยังมีแข็งกระด้างในความเร็วต่ำ ๆ ในพิ้วถนนแบบซีเมน ส่วนความสูงนั้นถ้าไม่เกิน 110 กม./ชม. ถือว่าเอาอยู่สบาย ๆ ครับ ไม่ยวบมากนัก ไม่ต้องเกร็งมือมากในการบังคับพวงมาลัย แต่ถ้าความเร็วสูงกว่านั้น ต้องระวัง ช่วงล่างจะเริ่มนุ่มและยวบในสไตล์รถทรงสูง ๆ ระดับเดียวกัน คือ มีอาการโยนเวลาเปลี่ยนเลน หรือเข้าโค้งความเร็ว ๆ
 
การขับขี่สามารถเลือกโหมดให้ตรงกับการใช้งานคือ ECO, NARMAL ที่เป็นค่าเริ่มต้นเสมอ และ SPORT โดยที่ใช้งานมากหลายวันใช้ Sport เป็นหลัก เพราะคันเร่งตอบสนองทันใจ และพวงมาลัยจะปรับน้ำหนักให้หนักขึ้นเล็กน้อยตามโหมดนี้ เวลาขับขี่บนทางด่วนรู้สึกมั่นใจกว่า และไม่ได้กินไฟกว่าโหมดอื่น ๆ เท่าไหร่นัก แถมขับสนุกกว่าเยอะเลย เพราะให้อัตราเร่งได้ตามสั่งทันใจกว่า
 
ระบบเบรกแรก ๆ ดูเหมือนจะไม่น่าไว้ใจ ที่ความเร็วจะเบาเท้าและตอบสนองไวมากทำให้เบรกแล้วหัวทิ่มบ่อย ๆต้องปรับน้ำหนักอยู่หลายครั้งกว่าจะคุ้นเคย แต่ว่าเมื่อได้ขับที่ความเร็วกลาง ๆ แล้วต้องเบรกแรง ๆ กลับเอาอยู่โดยไม่มีเสียงร้องของยางและระบบ ABS ก็ยังไม่ทำงาน จึงรู้สึกว่าการกระจายแรงเบรกที่ความเร็วกลาง ๆ (60-80) ทำได้ดีมั่นใจได้ครับ โดยรถคันนี้ใช้ยางจากฝั่งเกาหลีใต้ KUMHO รุ่นนี้นับว่าคุ้มค่าและปลอดภัยจริง ๆ 
 

ประหยัดไฟไหม ชาร์จนานไหม?
 
สำหรับอัตรากินไฟเฉลี่ยแล้ว ไม่สูงจนเกินไป อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้จากพลังมอเตอร์ระดับ 200 แรงม้า แรงบิดระดับนี้ กินไฟเฉลี่ยนบยมาตรวัดเพียงแค่ 14 - 15 kWh เท่านั้น หากขับแบบซ่า ๆ หน่อยก็จะขยับขึ้นเป็น 16 kWh ก้นับว่ารับได้ครับ เพราะให้อัตราเร่งที่จัดจ้านและทันใจชดเชยกันไป ส่วนการชาร์จไฟนั้นแม้รองรับ DC 80 kw แต่เมื่อชาร์จเพียง 10 นาที ก็ได้ระยะทางเพิ่มขึ้นอีก 80 กว่า กม. และจุดชาร์จอยู่ด้านหน้ารถสะดวกในการจอดชาร์จมาก ๆ

 
สรุปความคุ้มค่ากับราคา

OMODA C5 EV Long Range Ultimate มาพร้อมราคา 949,000 บาท หากมองเรื่องตัวรถนั้นถือว่าคุ้มที่สุดในตลาดประเทสไทยตอนนี้ (ณ ต.ค.2567) เพราะได้รถ SUV ยกสูงลุยน้ำได้ลึก 45 ซม. นาน 60 นาที ขุมพลัง 204 แรงมา้ กับ 340 นิวตันเมตร ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว หลังคาซันรูป ระบบช่วยเหลือการขับขี่และสิ่งอำนวยความสะดวกเต็มครบทุกฟังก์ชัน แม้ว่ายังมีเรื่องช่วงล่างเมื่อขับเร็ว ๆ มีอาการร่อนอยู่บ้างหรือเสียงลมและกลิ่นเข้าในรถ  หรือเรื่องของวัสดุภายในอาจจะยังดูธรรมดาไม่หวืดหวานัก แต่ก็ต้องเทียบกับค่าตัวที่ไม่ข้ามล้านได้ออปชั่นครบแบบนี้
 
แม้ว่าโอโมด้า จะยังใหม่มาก ๆ ในไทยทั้งเรื่องของโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมถึงเป็นแบรนด์ใหม่มาก ๆ แต่ก็มีการรับประกันคุณภาพตัวรถ 8 ปี หรือ 200,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน/ถ้ายังอยู่กันยาว ๆ) และแถมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอีก 5 ปี
 
OMODA C5 EV Long Range Ultimate อาจจะยังใหม่สำหรับประเทสไทยและใครที่กำลังเล็งอยู่อาจจะยังไม่มั่นใจนัก แต่หากพิจารณาในส่วนตัวรถล้วน ๆ แล้วละก็ กล้าฟังธงครับว่า  ได้รถยนต์ไฟฟ้าล้วนสมรรถนะดี เทคโนโลยีเกินตัว ราคาคุ้มค่า สุดท้ายต้องไปทดลองขับจับสัมผัสด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ ที่โชว์รูม OMODA ทั่วประเทศครับ

8
ซ่อมบำรุงอาคาร: วิธีซ่อมฝ้าเพดานน้ำรั่ว!

ปัญหาน้ำรั่วบริเวณฝ้าเพดาน นับว่าเป็นปัญหายอดฮิตของคนมีบ้าน และหนักใจเพราะไม่รู้จะหาวิธีการใดในการแก้ไข เพราะเนื่องจากเป็นปัญหาที่ดูแล้วอาจจะแก้ไขได้ยาก อาจจะต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาซ่อมฝ้าเพดานน้ำรั่วกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งหากไม่แก้ไข ฝ้าเพดานรั่ว ก็อาจส่งผลให้เกิดคราบสกปรก ตลอดจนปัญหาต่าง ๆ ที่ยากต่อการจัดการได้ เช่น คราบดำ เชื้อรา หรือเพดานบวม ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้บ้านของเราดูเก่า ไม่น่ามอง อาจจะทำให้เสียบรรยากาศการพักผ่อนไปได้เลยทีเดียว สำหรับปัญหาการรั่วซึมของน้ำบริเวณฝ้าเพดาน มักมีสาเหตุที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ปัญหาที่เกิดจากการที่ห้องหรือบริเวณที่มีปัญหา ฝ้าเพดานรั่ว ที่เกี่ยวข้องกับห้องที่ติดตั้งระบบประปา ตลอดจนความชื้นโดยตรง


นอกจากนี้ หากไม่ได้รับการก่อสร้างที่มีมาตรฐาน ช่างเก็บงานไม่ละเอียด ก็ย่อมส่งผลให้เกิดปัญหาดังกล่าวนี้ได้ สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหานั้น เราก็ต้องมาดูที่ต้นตอว่า สาเหตุของการรั่วซึมนั้นเกิดจากอะไร เพื่อที่จะได้แก้ไขได้อย่างตรงจุด ส่วนสาเหตุของการรั่วซึมที่มักจะพบได้บ่อยคือ การติดตั้งท่อน้ำทิ้งที่ไม่ดี จนส่งผลให้น้ำไหลทิ้งบริเวณด้านนอก เพราะฉะนั้น หากพบว่าที่บ้านมีปัญหาน้ำรั่วบนฝ้าเพดานแล้ว ควรตรวจสอบจุดนี้เป็นลำดับแรก ๆ ก่อนลงมือซ่อมเพดานน้ำรั่ว ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาฝ้าเพดานรั่วซึมในเบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วยตนเองมาฝากกัน


ก่อนอื่นที่เราจะมาพูดถึงวิธีการแก้ไข เราจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ปัญหาฝ้าเพดานรั่ว มีสาเหตุมีจากส่วนไหน ซึ่งส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจาก น้ำรั่ว น้ำซึม หรือการกักเก็บความชื้นจากห้องน้ำ ตลอดจนงานระบบประปาที่ห้องด้านบน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาที่ได้ผลและไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการซ่อมฝ้าเพดานน้ำรั่ว อีกก็คือ การทำให้ปัญหาน้ำรั่วซึมหายไป โดยแก้ไขจากต้นตอของสาเหตุ หากเกิดปัญหาท่อประปาบริเวณฝ้าเพดาน หรือมีการติดตั้งโถสุขภัณฑ์ในห้องน้ำไม่ดี ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ฝ้าเพดานรั่วที่เกิดขึ้นได้บ่อย


โดยเฉพาะการติดตั้งโถสุขภัณฑ์ ที่ไม่ตรงกับรูท่อที่เจาะลงพื้น จนทำให้การระบายน้ำทิ้งทำได้ไม่ดี สุดท้ายแล้วจึงทำให้เกิดการรั่วซึมบริเวณชั้นล่างตามมา เราสามารถแก้ไขโดยการปิดรอยรั่วซึมที่ท่อน้ำ ขั้นตอนแรกของการแก้ไขปัญหา ฝ้าเพดานรั่ว ก็คือ การเปิดฝ้าเพดาน โดยจะต้องเป็นบริเวณการรั่วซึม หรือจุดที่คิดว่าเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น หลังจากนั้นให้นำผ้าหรือกระดาษทิชชู ไปพันไว้ตามจุดที่คิดว่ารั่วซึม แล้วให้ลองสังเกตว่ามีความชื้นเกาะตัวอยู่ที่ผ้าหรือทิชชูหรือไม่ หากมีก็ให้ซ่อมแซมท่อบริเวณจุดต่าง ๆ นั้นให้เรียบร้อย หรืออีกวิธีที่ได้ผลก็คือการทำกันซึมที่ต้อตอของสาเหตุ โดยเฉพาะบริเวณร่องยาแนวที่เสื่อมและทำให้น้ำไหลลงปูน วิธีการแก้ไขก็คือ การเปลี่ยนยาแนวใหม่ทั้งหมด


เริ่มจากทำความสะอาดพื้นผิวให้สะอาดเรียบร้อยโดยการขูดร่องยาแนวเดิมออกให้หมด จากนั้นผสมกาวยาแนวตามอัตราส่วน ทำการปาดกาวยาแนวที่ผสมไว้ โดยให้ปาดในมุม 45 องศา และเมื่อกาวยาแนวเริ่มแห้งหมาด ๆ แล้ว ให้นำฟองน้ำชุบน้ำบิดให้แห้งพอหมาด ๆ หลังจากนั้น ให้นำไปเช็ดกาวยาแนวส่วนที่เกินออกให้เรียบร้อย หากมีเวลา และอยากแก้ไขปัญหาให้จบแนะนำให้ทำการแก้ไขที่ห้องน้ำด้านบนเลยจะดีที่สุด เพราะจะทำให้ปัญหา ฝ้าเพดานรั่ว ที่มีหายไปได้อย่างหมดจด ซึ่งเราสามารถเรียกช่างที่มีความชำนาญมาแก้ไขให้ได้ เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรวจุด ไม่ต้องคอยกังวลว่า เพดานบ้านของคุณจะเกิดการรั่วซึมอีก

อย่างไรก็ตาม ทางเราอยากให้ทุกครอบครัวได้สร้างบรรยากาศภายในครอบครัวให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่เสมอ ด้วยการทำความสะอาดบ้านช่องให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจัยหลายๆอย่างในบ้านของเรา สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี เพราะสุขภาพที่ดีสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ทางเรามีบริการทำความสะอาดบ้าน หรือภายในอาคารต่างๆ รวมไปถึงยังมีบริการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ห้างสรรพสินค้า เพราะเราห่วงใยและใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรกเสมอ

9
จัดฟันบางนา: เด็กควรจัดฟันตั้งแต่อายุเท่าไหร่

การจัดฟัน เป็นการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการเรียงตัวของฟัน รวมไปถึงปัญหาฟันสบกันผิดปกติ ฟันซ้อนเก ทำให้มีอุปสรรคในการรับประทานอาหาร รวมไปถึงการเข้าสังคมและยังทำให้มีรอยยิ้มที่ไม่สวยงาม ซึ่งจะเป็นปัญหาในระยะยาวแต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ การจัดฟันเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนอกจากจะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก การจัดฟันยังช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของผู้เข้ารับการจัดฟันให้เข้ารูปได้อีกด้วย ดังนั้นการจัดฟันจึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ ช่วยปรับปรุงบุคลิกภาพให้ดีขึ้นได้การจัดฟันเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของฟัน ด้วยการใช้เครื่องมือทั้งภายนอกและภายในช่องปากเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการปรับแต่งโครงสร้างของฟันใหม่อย่างช้าๆ โดยปกติแล้วการเคลื่อนของตัวฟันจะมีอัตรา 1 มิลลิเมตรต่อ 1 เดือนนอกจากนี้หลายคนสงสัยว่าทำไมจะต้องเข้ารับการจัดฟันต้องบอกก่อนว่า

เนื่องจากฟันของแต่ละคนมีขนาดรูปร่างและการเรียงตัวที่แตกต่างกัน โดยจะมีพันธุกรรมเป็นตัวกำหนด โดยบางครั้งฟันอาจเรียงตัวไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก เช่น สามารถทำความสะอาดฟันได้ลำบากและไม่มีประสิทธิภาพมี ปัญหาในเรื่องของการบดเคี้ยวอาหาร ซึ่งการจัดฟันจะเป็นตัวช่วยทำให้สุขภาพช่องปากและฟันดีขึ้น ช่วยในการบดเคี้ยวอาหารที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและยังลดอัตราเสี่ยงในการเกิดฟันผุหรือการเกิดโรคเหงือกอักเสบได้

และในปัจจุบันมีการพัฒนาในเรื่องของการจัดฟัน ให้มีการจัดฟันในเด็กซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นปกติที่พ่อแม่ผู้ปกครองอยากจะ ให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากที่ดี มีฟันสวยและสามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ ซึ่งโดยปกติพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรจะพาเด็กเด็กหรือบุตรหลานไปพบทันตแพทย์ เพื่อทำการตรวจช่องปากเป็นประจำทุกปีเนื่องจากสุขภาพฟันของเด็กนั้นยังมีฟันน้ำนมอยู่ การสูญเสียฟันน้ำนมก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะจะมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ หากเด็กเด็กตรวจพบว่ามีการสบฟันที่มีความผิดปกติตั้งแต่ยังเด็กสามารถแก้ไขได้ด้วยการ จัดฟันเพื่อทำให้ป้องกันการเกิดปัญหาการขึ้นของฟันแท้นั่นเอง

วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ซึ่งประเด็นของวันนี้ก็คือ การจัดฟันในเด็กนั้น ควรทำตั้งแต่อายุเท่าไหร่ การจัดฟันแบบเบื้องต้นในเด็กนั้นอาจไม่ได้จำเป็นต่อเด็กทุกคน แต่จะเป็นการดีกว่า หากพ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปตรวจกับทันตแพทย์ เพื่อเข้ารับการจัดฟันและสามารถทำได้ในช่วงอายุ7- 10 ปีและหากพบสัญญาณความผิดปกติ ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในขณะที่ฟันแท้กำลังขึ้นเพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของการขึ้นของฟันแท้ได้

สำหรับการจัดฟันในเด็ก หลายคนสงสัยว่ามีประโยชน์อย่างไรและจัดฟันทั้งทั้งที่เด็กยังมีฟันน้ำนมอยู่นั้นสามารถทำได้ ด้วยหรือ ต้องบอกก่อนว่าการจัดฟันนั้นไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและฟันและความสวยงามของการเรียงตัวของฟัน นอกเหนือจากเรื่องของรอยยิ้มที่จะทำให้มีความสวยงามมีความมั่นใจแล้วการจัดฟันยังจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง เช่น เมื่อมีฟันที่เรียงตัวกันสวยงาม เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างเต็มที่ เรื่องของความสะอาดภายในช่องปาก ถือเป็นเรื่องสุขอนามัยเบื้องต้นที่จะเด็กจะต้องปฏิบัติ นอกจากนั้นทันตแพทย์ผู้ทำการจัดฟัน อาจมีส่วนช่วยหาทางบำบัดพฤติกรรมเด็กที่ติดการดูดนิ้ว ซึ่งสร้างผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคตได้ ทั้งยังมีปัญหาในเรื่องของการออกเสียง การหายใจและการเคี้ยวอาหารนั่นเอง

อย่างไรก็ตามหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดมีความสนใจและต้องการที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถขอรับคำแนะนำได้จากทางคลินิกได้ ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ด้วยการการันตีถึงประสบการณ์อันยาวนานมากกว่า 10 ปี จะทำให้มั่นใจว่าบุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทางคลินิก ยังมีบริการทางด้านทันตกรรมอย่างครบวงจรหากพ่อแม่ผู้ปกครองมีความสนใจที่จะเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันก็สามารถขอเข้ารับคำแนะนำได้

10
พิกัดไหว้พระ 9 เที่ยววัดดังในกรุงเทพฯ วันเดียวก็เที่ยวได้!

ใกล้วันหยุดยาวแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนน่าจะกำลังเตรียมแพลนเที่ยวกันอยู่อย่างแน่นอน แต่หากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี โอกาสนี้แวะมาไหว้พระ 9 วัดดังในกรุงเทพฯ กันดีกว่า! ซึ่งหากใครที่อยู่ต่างจังหวัด แล้วอยากจะมาไหว้พระในกรุงเทพฯ สไตล์สายมูบ้าง ก็ไม่ต้องน้อยใจไป! เที่ยวตัวท็อปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จองออนไลน์สะดวก จ่ายสบาย ไม่มีค่าธรรมเนียมในการจอง ให้ทุกการเที่ยวเป็นเรื่องง่าย ฟินได้ทุกการเดินทาง

วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)

เริ่มต้นทริปกันที่ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือที่เรารู้จักกันในชื่อวัดภูเขาทอง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมาที่วัดนี้ สิ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือการขึ้นไปชมวิวสวย ๆ และรับลมเย็น ๆ บน‘เจดีย์ภูเขาทอง’ หากใครที่อยากจะหาอะไรรองท้อง รอบ ๆ วัดก็มีร้านอร่อยขึ้นชื่ออยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้าน ‘ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี’ อันโด่งดัง หรือ ‘ร้านเจ๊ไฝ’ ที่การันตีความอร่อยด้วยรางวัลมิชลินสตาร์ถึง 6 ปีซ้อน

วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

ขยับมาต่อกันที่อีกหนึ่งวัดดังในกรุงเทพฯ ที่มีไฮไลต์เป็น ‘เสาชิงช้า’ อันเก่าแก่ ตั้งอยู่คู่เมืองกรุงมานานกว่า 200 ปี หลังจากถ่ายรูปเช็กอินกับเสาชิงช้าแล้ว เมื่อเข้ามาในวัดก็จะได้พบกับพระวิหารหลวง ที่มี ‘พระศรีศากยมุนี’ พระประธานสำริดที่องค์ใหญ่ที่สุดในสมัยสุโขทัย ให้เราได้กราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล

วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร

มาถึงวัดที่ 3 ของทริป ซึ่งเป็นวัดดังในกรุงเทพฯ ที่สายมูทุกคนต้องรู้จัก! ด้วยชื่อของวัดที่บ่งบอกถึงชัยชนะ ทำให้หลายต่อหลายคนมักจะแวะเวียนมากราบไหว้สักการะกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งนอกจากชื่ออันเป็นมงคลแล้ว สิ่งที่น่าสนใจก็คือ วัดนี้ยังเป็นวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสถาปัตยกรรมอันเลอค่า รับรองว่าหากใครที่ชื่นชอบในงานฝีมือ จะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

สำหรับวัดนี้ เป็นวัดที่เปรียบได้กับแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง และถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดของการมาเที่ยวกรุงเทพฯ เลยทีเดียว ในแต่ละวันจะมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนมาเยี่ยมชมอย่างเนืองแน่น นอกจากจะได้กราบไหว้ ‘พระแก้วมรกต’ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยแล้ว เรายังได้เยี่ยมชมงานศิลปกรรมหลากหลายรูปแบบที่ทั้งงดงามและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกด้วย

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)

เข้าสู่ครึ่งทางของทริปไหว้พระกรุงเทพฯ ฉบับสายมู เราก็เดินทางมาถึง วัดโพธิ์ ที่มี ‘พระพุทธไสยาส’ พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ประดิษฐานอยู่ ทั้งยังเป็นวัดที่โดดเด่นด้วยมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ ที่ประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบหลากสีสัน ให้เราได้เก็บภาพสวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งหากใครที่เริ่มหิวแล้วล่ะก็ รอบ ๆ วัดก็มีร้านอร่อยให้เลือกชิมอยู่มากมาย ทั้งได้เติมพลังด้วยอาหารอร่อย ๆ แล้วยังได้ชมวิววัดอรุณฯ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันแบบชัด ๆ เลยทีเดียว

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

หลังจากเติมพลังแล้ว เราก็มาเริ่มครึ่งหลังของทริปกันที่อีกหนึ่งวัดดังในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกที่อยู่มานานกว่าร้อยปี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ไทยและตะวันตก บอกเลยว่ากิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือการเช่าชุดไทยใส่ถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ วัด รับรองว่าจะได้รูปสุดประทับใจ แบบหาที่ไหนไม่ได้แน่นอน!

วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร

มาต่อกันที่วัดที่ 7 ของทริป ที่สายมูนิยมแวะเวียนมาไหว้ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยให้มีมิตรภาพที่ดี และมีโชคลาภหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งยังได้ชื่นชมความงดงามของศิลปะที่ผสมผสานเสน่ห์ของไทย-จีนไว้ได้อย่างลงตัว และที่พลาดไม่ได้ก็คือ ‘หอระฆัง’ ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ที่เชื่อกันว่าหากได้มาเคาะระฆัง ก็จะช่วยให้เรามีชื่อเสียงโด่งดัง เหมือนกับเสียงระฆังที่ดังกังวานนั่นเอง

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)

มาถึงอีกหนึ่งวัดดังในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยมในหมู่ชาวต่างชาติไม่แพ้กับวัดพระแก้ว ด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรม ‘พระปรางค์ใหญ่วัดอรุณ’ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบและถ้วยชามเบญจรงค์อันเก่าแก่ เป็นวัดสำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นสายมูหรือนักท่องเที่ยวก็ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

ปิดท้ายทริปไหว้พระกรุงเทพฯ ฉบับสายมูกันที่วัดระฆัง ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้ที่วัดนี้ จะช่วยให้มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี เหมือนกับเสียงระฆังอันไพเราะ หลังจากที่ไหว้พระแล้ว เราก็สามารถเดินไปกินของอร่อย ๆ ที่ ‘ตลาดวังหลัง’ กันต่อได้เลย! เป็นการจบทริปที่ทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจ และได้ความทรงจำดี ๆ กลับบ้านไปเพียบ!

11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
มอเตอร์โชว์ 2025: ชมคันจริง Xpeng G6 ท้าชน Tesla เปิดราคาเริ่มต้น 1.439 ล้านบาท!!

XPENG G6-Ultra Smart Coupe SUV รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยมขนาดใหญ่เทคโนโลยีเต็มคัน ขุมพลังแรง พร้อม 2 รุ่น RWD Standard Range ราคา 1,439,000 บาท และ RWD Long Range ราคา 1,599,000 บาท
 
ภายนอกรูปทรงโค้งมน ไฟหน้าด้านล่างพร้อม Day time Running Light แบบเรียวแบน ไฟท้ายแบบ Galaxy Sword LED ไฟท้ายที่ถูกออกแบบให้รวมเข้ากันเป็นชิ้นเดียว หลังคาแบบพาโนรามิค มือเปิดประตูแบบซ่อน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวและติดตั้งกล้องรอบคัน ล้ออัลลอย 20 นิ้ว
 

ภายในมาตรวัดคนจขับขนาด 10.2 นิ้ว จอกลางสัมผัส 14.96 นิ้ว แท่นชาร์จไร้สายขนาด 50 วัตต์ สองช่องด้านหน้า พลังการชาร์จที่สูงขึ้นพร้อมระบบระบายอากาศ
เบาะคู่หน้าปรับระดับได้ 180 องศา ที่นั่งด้านหน้าสามารถปรับเอนได้ใกล้ 180 องศา และที่นั่งด้านหลังสามารถปรับได้ 12 ระดับ โดยมีมุมเอนสูงสุดที่ 38.4 องศา
โครงสร้างไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ X-EEA3.5 การใช้ชิปประมวลผลพิเศษเพื่อเป็นศูนย์กลางการควบคุมพื้นที่ฟังก์ชันหลักหกพื้นที่จะทำให้ความเร็วในการอัพเกรด OTA เพิ่มขึ้นถึง 300% จุดชาร์จ USB 4 จุด แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย 2 จุด กำลังไฟ 50W ระบบเสียง Xopera  960W พร้อมลำโพง 18 ตัว และรองรับการจ่ายไฟให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ (V2L)

 
G6 ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันด้วยวัสดุคุณภาพสูง จุดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย 2 จุด กำลังไฟ 50W ระบบระบายความร้อน และระบบอินโฟเทนเมนต์ผสานการทำงานผ่านระบบปฏิบัติการ Xmart OS เวอร์ชันล่าสุดของ XPENG ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความสะดวกสบาย พร้อมเติมเต็มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ XPILOT ที่มีมาให้เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย นอกจากนี้ข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญยังถูกวางอยู่ด้านหน้าผู้ขับบนหน้าจอขนาด 10.2 นิ้ว และสามารถควบคุมฟังก์ชันอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าจอกลางขนาด 14.96 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง
 

รุ่น standard Range
มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 800V Technology (LFP) ขนาด 66 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.9 วินาที
Top Speed ความเร็วสูงสุด 200 km/h
วิ่งระยะทางสูงสุด 505 km. (NEDC)


รุ่น Long Range
มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 285 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 800V Technology (NMC) ขนาด 87.5 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.7 วินาที
Top Speed ความเร็วสูงสุด 200 km/h
วิ่งระยะทางสูงสุด 625 km. (NECD)
ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ทุกรุ่นย่อย

ความปลอดภัย
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ XPILOT 2.5
เรดาร์ High-Definition Millimeter-Wave Rader 5 ตัว
เซนเซอร์ Ultrasonic 12 ตัว และ กล้อง 12 ตัว
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)
ระบบช่วบควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน Lane Centering Control (LCC)
ระบบควบคุมการเข้าโค้งอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Turning Cruise (ATC)
ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ Active Lane Change (ALC)
ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติตามป้ายสัญญาณจราจร Automatic Speed Limiter (ASL)
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ และ ออกจากที่จอดรถ Enhanced Auto Parking Assist (EAP 2.0)
ระบบช่วยจอด พร้อมกล้อง 360 องศา Parking Assist with 360 Camera
ระบบจำลองการมองเห็นใต้ท้องรถ Transparent Chassis
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ Driver State Monitoring (DSM)
ระบบตรวจสอบระยะห่าง Forward Distance Monitoring (FDM)
ระบบช่วยเหลือการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB)
ระบบตรวจสอบสัญญาณจราจร Traffic Sign Recognition (TSR)
ระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ Intelligent High Beam (IHB)
ระบบช่วยแจ้งมุมอับสายตา Blind Spot Detection (BSD)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนขณะประตูเปิด Door Open Warning (DOW)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และ ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน Emergency Lane Keeping (ELK)
ระบบช่วยเตือนหากเสี่ยงต่อการโดนชนด้านหลัง Rear Collision Warning (RCW)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง Rear-Cross Traffic Alert (RCTA)
ทุกรุ่นฟรี
ประกันชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี
Wall box
ช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี
อุปกรณ์ชาร์จฉุกเฉิน
ส่วนลด 15% ขาร์จ EV station pluz ตลอดปี 2024
รับปประกันคุณภาพรถ 5 ปี หรือ 120,000 กม.
รับประกันระบบแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.

13
ขายรถราคาพิเศษ Isuzu D-Max Spacecab 1.9 Ddi L M/T ปี2023 ไมล์น้อย โปรโมชั่นพิเศษ

อีซูซุ Isuzu D-MAX Spacecab 1.9 Ddi L M/T ปี 2023
Isuzu D-Max  Spacecab 1.9 Ddi L M/T มากับไฟหน้า Bi-Beam LED พร้อม Multi Functional Daylight, แอร์แบคคู่, ระบบเบรก ABS/EBD และ BA พร้อม  BOS, พวงมาลัย Multifunction, เครื่องเสียงหน้าจอขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ Wireless Apple CarPlay และ Wireless Android Auto, กล้องมองภาพขณะถอยจอด, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
เงื่อนไข โปรโมชั่น ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.59% ตลอดอายุสัญญา
วารันตี 2ปี

ราคาพิเศษ 454,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Isuzu
   รุ่น                    อีซูซุ Isuzu D-MAX Spacecab 1.9 Ddi L M/T ปี 2023
   ประเภทรถ           รถกระบะ 2 ประตู (แค็บ)
   ปีที่เปิดตัว           2023


14
all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT มาดใหม่ที่หล่อและปลอดภัยกว่าเดิม

ถอยหลังกลับไปเมื่อปี 2005 ค่ายรถยนต์ตราเพชร ได้ทำการปฏิวัติวงการออกแบบรถกระบะในประเทศไทยใหม่ ด้วยการปล่อย Mitsubishi Triton ลงสู่ตลาด ด้วยภาพลักษณ์ที่แตกต่าง โดยเฉพาะตัวกระบะ ที่มีท้ายโค้งลง และช่วงเชื่อมต่อกับหัวด้านหน้า ก็เป็นโค้งเว้า ตัวท็อปมีออพชั่นที่สามารถเปิดกระจกด้านหลังได้ มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ตัว ก็คอื 2.5 และ 3.2 ลิตร ทำเอาตลาดฮือฮาได้อย่างเต็มที่ และสร้างยอดขายได้อย่างน่าพอใจ

จนมาช่วงปี 2014 ทางมิตซูบิชิก็ได้ทำการปล่อยรถกระบะรุ่นนี้มาลงตลาดอีกครั้ง กับการเปลี่ยนเป็นโฉมใหม่ ที่ตัวกระบะกลับมาเป็นทางเรียบตรง และก็ยังคงสร้างยอดขายกันได้อย่างต่อเนื่อง จนผ่านมาถึงช่วงปีที่แล้ว ก็ได้ทำการปล่อย New Mitsubishi Triton ใหม่ออกมาสู่ตลาด ที่ทำเอาตลาดแทบแตก เพราะได้มีการเปลี่ยนหน้าตาใหม่ ให้ตรงกับใจชาวนักเลงรถกระบะมากขึ้น (มันคือการยก DNA การออกแบบมาจากหน้าของ XPander มานั่นเอง) จนแทบจะเหมือนการเปลี่ยนครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแบบ Model Change เลย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นแค่เพียงการ Minor Change เท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนเพียงภาพลักษณ์ที่ดูหล่อมากขึ้นเท่านั้น แต่มันยังมีอีกหลายอย่างที่เสริมเพิ่มเติมขึ้นมาอีก

และแล้ว เวลาผ่านไปจนพอสมควร ทางทีมงาน AUTODEFT ก็ได้มีโอกาสรับหมายเชิญจากพี่ตุ๊กกี้ PR สุดน่ารักคนคลองเตยของมิตซูบิชิ เพื่อให้ไปทำการทดสอบ New Mitsubishi Triton โดยมีเส้นทางทดสอบอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ งานนี้ผมเองในฐานะเจ้าของรถกระบะ Triton รุ่นแรก (สมัยเครื่อง 3.2 ลิตร) เลยถือวิสาสะในการตอบรับการทดสอบครั้งนี้แบบรอคอยใจจดใจจ่อ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า ระยะเวลาผ่านไป 10 กว่าปี จากรุ่นแรกมาถึงปัจจุบัน มันแตกต่างกันมากขนาดไหน

เบื้องต้นเช่นเคย เราคงต้องมาทำความรู้จักกับข้อมูลเบื้องต้นของ Mitsubishi Triton กันก่อน โดยรุ่นที่เราจะทดสอบครั้งนี้ เป็น Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT กระบะตัวท็อปนั่นเอง โดยเครื่องยนต์นั้น จะเป็นรหัส 4N15 AS&G ขนาด 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม Sport Mode ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองได้ ทั้งจากคันเกียร์ และ Paddle Shift ที่พวงมาลัย (วัสดุทำจากแมกนีเซียมอัลลอย) ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ SS4-II พร้อม DIFF LOCK ที่เฟืองท้าย เลือกใช้งานขับเคลื่อนได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L พร้อมการเปลี่ยนจากขับ 2H ไป 4H ด้วยระบบ Shift On The Fly ในความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.  มีมิติตัวรถที่ 5,300 x 1,815 x 1,795 มม. (ยาวxกว้างxสูง) ระยะฐานล้อ 3,000 มม. ระยะสูงจากพื้น 220 มม. มีมุมเข้า 31 องศา และมุมจาก 23 องศา ส่วนใต้ท้อง สามารถขับคร่อมทำมุมได้ 25 องศา ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง แหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช้คอัพไขว้ เบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน ขนาด 320 มม. ที่ยกมาจาก Pajero Sport ส่วนด้านหลังยังคงวเป็นดรัมเบรกเช่นเดิม ล้อใช้เป็นขนาด18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/60 R18

การออกแบบใหม่นั้น อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Rock Solid พร้อมรูปลักษณ์แบบ Advanced Dynamic Shield หนักแน่น ลงตัว เส้นสายอันดุดันของฝากระโปรงหน้า กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ ไฟหน้าใหม่ Projector Bi-LED และไฟ LED Daytime อยู่ในโคมเดียวกันติดตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 100 มม. พร้อมกันชนหน้าดีไซน์เท่ไฟตัดหมอกหน้าที่ออกแบบให้สูงขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 700 มม. โดยเหตุผลที่ออกแบบให้ไฟหน้าและไฟตัดหมอกให้สูงขึ้นนั้นเพื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดขึ้นรวมถึงสามารถลุยน้ำท่วมได้อย่างสบาย ๆ ส่วนด้านข้างดีไซน์ใหม่ลงตัวด้วยส่วนโค้งมนตัดกับเส้นสายอันโฉบเฉี่ยวพร้อมซุ้มล้อขนาดใหญ่ดีไซน์ขึ้นรูปไร้คิ้วพลาสติกขึ้นรูปครอบเข้าบังโคลนล้อ พร้อมบันไดข้างเข้ารูปชิ้นเดียว กระจกมองข้างโครเมี่ยมพร้อมไฟเลี้ยวดีไซน์คุ้นเคยจากรุ่น Pajero Sport เน้นความดุน่าเกรงขามสามารถปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า เส้นสาย J-Line ออกแบบช่องไฟระหว่างด้านหลังตัวรถและแนวกระบะเป็นแนวทางเดียวกัน ฝากระบะท้ายยังคงดีไซนเดิมเพิ่มเติมด้วยสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟท้ายและไฟเบรก LED พร้อม LED Light Guide ดีไซน์คล้ายกับรุ่น Pajero Sport และกันชนหลังใหม่ดีไซน์เรียบง่าย


สำหรับระบบความปลอดภัยนั้น Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT จัดมาให้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นระบบมาตรฐานอย่าง ถุงลมนิรภัย 7 ลูก, ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD แถมงวดนี้ เพิ่มระบบเสริมแรงเบรก BA เข้ามาเพิ่มอีกด้วย เสริมด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล ACTIVE STABILITY AND TRACTION CONTROL (ASTC), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA), ระบบควบคุมรถขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)


นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยใหม่เข้ามาเสริมทัพอีก ทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว Forward Collision Mitigation System (FCM), ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว Ultrasonic misacceleration Mitigation System (UMS), ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW), ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA), ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด Rear Cross Traffic Alert (RCTA), เซ็นเซอร์กะระยะจอดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะและเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ, ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม แบบรีโมท พร้อมปุ่ม Push Start, ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ แทบจะยกระบบความปลอดภัยของ Pajero Sport ทั้งแผง


ส่วนระบบอำนวยความสะดวกนั้น Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT  ก็มาในระดับ Premium ไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะเป็น ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย Cruise Control, ระบบสั่งงานด้วยเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ สวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลในการขับขี่ที่พวงมาลัย, เครื่องเสียง 2DIN - วิทยุ, ดีวีดี, ซีดี, เอ็มพี 3 พร้อมจอภาพระบบสัมผัส เสริมด้วยระบบนทางในรถยนต์ พร้อมลำโพง 6 จุด เชื่อมต่อกับ Smartphone ได้ทั้งแบบเสียบสาย USB และแบบไร้สาย Bluetooth ส่วนระบบความเย็นด้านหลังนั้น ใช้การดูดอากาศจากด้านหน้า ผ่าน Blower ที่ติดตั้งอยู่บนเพด้านกลางรถ แล้วเป่าไปที่ผู้โดยสารด้านหลัง ที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิด และกำลังลมได้ด้วยตัวเอง และมีช่อง USB สำหรับการชาร์ทโทรศัพท์ ให้กับผู้โดยสารด้านหลังอีก 2 ช่อง พร้อมช่องวางโทรศัพท์ให้อีกด้วย


เอาล่ะ ข้อมูลบอกไปจนเต็มที่แล้ว เรามาออกเดินทางไปทดสอบกันได้แล้วครับ โดยเส้นทางวันนี้ จะเริ่มเดินทางออกจากที่พักแถว อ. หางดง จ. เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ อ. จอมทอง เพื่อจะขับขึ้นไปบนภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยอย่างดอยอินทนนท์ แต่เราจะไม่ได้ไปขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่เราจะวิ่งไปทาง อ. แม่แจ่ม ก่อนจะลัดเลาะหลังดอย ไปลงที่แถว อ. แม่วาง แล้วกลับมาที่พัก รวมระยะทางวันนี้อยุ่ที่ราว 200 กว่ากิโลเมตร เส้นทางมีครบ ทั้งทางหลวง, ทางบนเขาที่แสนจะคดโค้ง และแน่นอน ทางออฟโรด ที่เส้นทางนั้น ไม่ได้มีใครจะได้ใช้ทางนี้บ่อย เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเจ้าหน้าที่เท่านั้น ที่จะเข้ามาใช้งานในเส้นทางนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกทริปที่ได้โอกาสเปิดประสบการณ์เส้นทางใหม่กันอีกครั้งครับ


วันนี้บน Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT จะมีนักขับอยู่ทั้งหมด 3 คน ทั้งน้องบอนจาก Ridebuster และน้องภณจาก Pantip Garage หลังจากโอน้อยออกกันแล้ว สรุปผมรับไม้แรกและไม้สุดท้าย เริ่มต้นเส้นทางการเดินทางวันนี้กันที่ถนนหลวงจากหางดง ไป อ.จอมทอง ถนนเป็นทางเรียบวิ่งแบบยาว ๆ ได้ อาจจะมีจังหวะในการชะลอเพราะงานก่อสร้างทางอยู่บ้าง กำลังเครื่องนั้น มันสามารถตอบสนองได้ดีแหล่ะครับ แต่การทำงานของเกียร์ใหม่ตัวนี้ อาจจะมี Feeling แปลกไปจากตัวก่อนอยุ่หน่อย ตรงที่เมื่อเรากดคันเร่งไปเต็มที่ ตัวระบบจะดึงไม่ให้รถพุ่งออกไปทันที จะค่อยปล่อยกำลังออกมา แล้วไหลเพิ่มความเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ ถึงระดับ 160 กม./ชม. ได้อย่างสบาย เพียงแค่มันไม่ได้กระชากหลังติดเบาะเท่านั้นเอง ดังนั้นขาซิ่งที่ชอบแรก G เยอะ ๆ ช่วงกดคันเร่ง อาจจะไม่ชอบกันเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนจะพารถพุ่งเข้าช่องไปไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้ว มันก็ไปได้เหมือนกัน


อีกส่วนที่ต้องชมก็คือเรื่องของเบรก เพราะกดเบรกช่วงที่ต้องการลดความเร็วมาก ๆ สามารถหยุดรถได้ดีและนิ่งกว่าเดิม ความดีความชอบนี้ั มาจากการที่เพิ่มขนาดของตัวจานเบรกให้ใหญ่ขึ้นนั่นเอง ส่วนการเก็บเสียงนั้น ทำได้ดีเลิศ ถึงแม้จะขึ้นความเร็วไปถึงระดับ 120 กม./ชม. เสียงลมเข้าห้องโดยสารน้อยมาก ดังนั้นถ้าใครมาขับ Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT แล้ว คงต้องคอยหันมองหน้าปัดบอกความเร็วกันสักหน่อย เพราะคุณอาจจะเพลินกดกันความเร็วเกิน จนอาจจะมีใบสั่งส่งมาถึงบ้านก็ได้นะ อันนี้บอกเอาไว้ก่อน


วิ่งต่อมาจนถึงตีนดอยอินทนนท์ ความนี้ต้องวิ่งขึ้นเขา เพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางตรงโครงการดอยหลวงอินทนนท์ เพื่อที่จะแวะรับประทานอาหารกลางวันกันก่อน เส้นทางช่วงนี้ยังคงเป็นแบบ On-Road อยู่ แต่จะเริ่มเป็นทางเลนสวน แล้วขึ้นเขา แถมยังคดเคี้ยวในระดับหนึ่งอีกด้วย แต่เรื่องการเข้าโค้งเนี่ย ผมว่า Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT ไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว ทุกโค้งนี่สามารถใส่ได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะเป็นโค้งแคบก็ตาม พวงมาลัยแม่นพอตัว  ถึงแม้จะยังคงใช้งานแบบไฮโดรลิกผ่อนแรงอยู่ก็ตาม ส่วนกำลังเครื่องช่วงตอนขึ้นเขาที่สูงที่สุดในประเทสไทย สบายมาก แรงบิดสุงสุดระดับ 430 นิวตันเมตร พาตัวรถไต่เขากันได้อย่างสบาย ไม่ต้องลุ้นอะไรเลย แม้กระทั่งการเร่งแซงบนเนินขึ้นก็ตาม สุดท้ายก็เดินทางหมดกะแรก รอบต่อไปต้องเปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารบ้างแล้ว


เส้นทางต่อไป คือเดินทางออกจากโครงการดอยหลวงอินทนนท์ แล้ววิ่งไปทางแม่แจ่ม ก่อนที่จะตัดเข้าเส้นทางออฟโรด ที่อ้อมหลังดอยอินทนนท์ไปลงที่แถวอำเภอแม่วาง โดยช่วงนี้ จะมีพลขับเป็นน้องภณ Pantip garage ผมเองนั่งอยู่ด้านหลัง สัมผัสแรกที่รู้สึกได้ก็คือ การนั่งยังคงเป็น 1 ในรถกระบะ 4 ประตู ที่นั่งด้านหลังได้สบายมากที่สุด เพราะมีช่วงเอียงค่อนข้างจะมากกว่าคู่แข่ง สิ่งที่เพิ่มเติมมา ช่วยให้สบายมากยิ่งขึ้น ก็คือแอร์หลัง ที่ใช้การดูดลมจากทางด้านหน้า เพื่อเอามาเป่าที่ด้านหลัง สามารถควบคุมการเปิด-ปิด และความแรงลมได้เองเลย ทำให้รู้สึกสบายตัวมากกว่าการรอไอเย้นให้ลอยจากด้านหน้ามาด้านหลัง (หลักการเดียวกันกับของ Xpander) แต่บานพับเพื่อหันทิศทางลม อาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับรุ่นอื่นทั่วไป แต่หลักการทำงานเหมือนกันแน่นอนครับ

อีกอย่างที่ชอบคือ ในส่วนของช่อง USB ที่เอาไว้ให้ชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ แถมยังมีช่องเพื่อเอาไว้วางโทรศัพท์ได้อีก เรียกว่า เอาใจคนนั่งหลังอย่างเต็มที่ และกำลังไฟที่จ่ายมา ก็แรงมากพอที่จะชาร์จไฟจากต่ำกว่า 50% ของโทรศัพท์ผม (iPhone8Plus) ให้เต็มได้ในระยะเวลาเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น


แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้จากการนั่งข้างหลังก็คือ อาการกระเด้ง ที่ดูจะกระด้างมากกว่าตัวโฉมแรก ที่ผมเป็นเจ้าของมาก่อนเล็กน้อย ตอนแรกเราคุยกันในรถว่า จะมาจากการที่สูบยางแข็งเกินไปหรือเปล่า แต่เมื่อแวะปั๊มเพื่อเช็คดู แรงดันยางก็อยู่ที่ 35 PSI ก็ถือว่าอยู่ในอัตราปกติของรถกระบะนะ ซึ่งจากการสอบถามกับทางวิศวกรของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทยแล้ว ก็ได้คำตอบกลับมาว่า จริง ๆ แล้วในรุ่นนี้ มีการปรับค่าแหนับตัวบนสุดให้มีค่า K น้อยลง และปรับขนาดของโช๊คให้ตัวใหญ่ขึ้นแล้ว ไม่น่าจะทำให้ตัวรถมีอาการกระด้างไปมากขึ้นกว่าเดิม แต่ข้อมูลที่แจ้ง ก็คือเปลี่ยนจากตัวรุ่นปี 2018 นั่นเอง แต่ที่ผมสัมผัสก็คือ ตัวรุ่นโฉมแรกปี 2005 เลย แต่มันก็อาจจะมาจากที่เราวิ่งในเส้นทางที่ขรุขระมากกว่าทั่วไปก็ได้ อันนี้เอาไว้ชวนคิด


ส่วนเรื่องการเข้าโค้ง ที่ช่วงนี้ต้องเจอกับเส้นทางที่เป็นทางโค้งเยอะมาก แบบโค้งตัว U ลงเขาก็เยอะ ไม่มีปัญหาครับ การโยนตัวของด้านท้าย ที่เราอาจจะเจอได้เมื่อเรานั่งแถว 2 พบว่าแทบไม่เจอเลยครับ นั่งได้แบบไม่ต้องเอียงไปเอียงมามากมาย ถึงแม้ขบวนจะพาเข้าแต่ละโค้งแบบไม่ละเมียดละมัยเลย (ไม่เกรงใจคนนั่งหลังเลย) ซึ่งต้องยอมรับว่า การเข้าโค้งของ Mitsubishi Triton นั้น ยังคงไว้ใจได้ตั้งแต่โฉมแรก จนถึงตัวล่าสุดจริง ๆ

หลังจากเวียนหัวไปบนเขากันมากพอแล้ว ก็ถึงคิวที่ Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT จะต้องลงลุยในเส้นทาง Off-Road กันบ้างได้แล้ว เส้นทางไม่ถึงกับต้องใช้ 4L ครับ สามารถหมุนปุ่มให้ทำงานขับเคลื่อนแบบ 4H ได้เลย เราจะได้ลองระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล รวมถึงการควบคุมรถฝ่าอุปสรรคอย่างเหนือชั้น ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยี Super Select 4WD II ที่เลือกการทำงานของล้อให้โดยอัตโนมัติ และยังได้ลองกล้องมองภาพรอบคัน ที่ใช้กล้อง 4 ตัวจับภาพรอบคันพร้อมภาพมุมสูงที่แสดงสิ่งกีดขวางรอบคัน เพราะในเส้นทางจะมีบางช่วงเป็นเส้นทางดินถล่ม ถนนแทบจะเหลือเพียงพอดีคัน ต้องเปิดกล้องเพื่อดูให้ปลอดภัยตลอดเส้นทาง เส้นทางนี้ทั้งขรุขระ และไต่ขึ้นเขา แต่กำลังเครื่องรถกระบะที่เรานั่งนั้นเหลือเฟือ ไม่ต้องลุ้นว่าจะผ่านไหม รถจะไปได้ไหม ทุกอย่าง ผ่านไปด้วยดี กับลำไส้ที่กองไปรวมกันอยุ่ที่เดียวแล้ว


เมื่อผ่านเส้นทางออฟโรดไปแล้ว ก็ลงมาถึงตัว อ. แม่วาง ซึ่งเป็นเส้นทางออนโรดปกติ เราก็เดินทางกลับกันสู่ที่พักกันอย่างชิว ๆ จบการทดสอบวันนี้อย่างสบายใจ ไร้ปัญหาหรืออุปสรรคในการเดินทาง


ถ้าถามว่า Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT ตัวล่าสุดนี้ แตกต่างกับตัวโฉมแรกตัวท็อปมากไหม ก็ถือว่ามากพอสมควรครับ ทั้งเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ทั้งเรื่องความปลอดภัยและความสะดวกสบาย กำลังเครื่องที่ตอบสนองได้ดีกว่า การทำงานของเกียร์ที่ทำได้นุ่มนวลและต่อเนื่องมากกว่า แต่ตัวเก่าให้ Feeling ในการออกตัว หรือการย่ำคันเร่งได้สนุกกว่า และด้านหลังรู้สึกว่านั่งได้สบายกว่า แต่การออกแบบนั้น ผมให้ตัวล่าสุดชนะเลิศเลย เพราะดูเหนือชั้นกว่าตัวเก่ามากมาย (สำหรับผม คือสวยที่สุดในตลาดรถกระบะปัจจุบันเลย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลครับ)


Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT มีราคาจำหน่ายเอาไว้ที่ 1,099,000 บาท ถือเป็นราคาที่จับต้องได้ เมื่อเทียบกันกับตัวท็อปที่อยู่ในตลาด กับรถที่เราสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ สามารถเอาไว้ขนของเยอะ ๆ ได้ เอาไปลุยทางแบบ Adventure ได้ ผมว่า คุ้มค่ากับการเป็นเจ้าของอย่างมากเลยครับ


15
อาหารสุขภาพบำรุงกระดูก อร่อยง่ายได้ประโยชน์

อาหารบำรุงกระดูกมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายอยู่ไม่น้อย เพราะอาจช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกตั้งแต่อายุยังน้อย และลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดกับกระดูก ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายเมื่อมีอายุมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกอ่อน โรคกระดูกพรุน ภาวะกระดูกหักจากอุบัติเหตุหรือหกล้ม บทความนี้ได้รวบรวมอาหารที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและหารับประทานได้ง่ายมาฝาก

ปกติแล้ว กระดูกของคนเราจะมีสุขภาพที่ดีและคงความแข็งแรงไว้ได้ก็ต่อเมื่อได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือแคลเซียมและวิตามินดี โดยแคลเซียมจะช่วยสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ส่วนวิตามินดีจะช่วยควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสเฟตภายในร่างกาย


โดยในแต่ละวัน ร่างกายต้องการปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีดังนี้

    แคลเซียม : ผู้ใหญ่ทั่วไปควรได้รับแคลเซียมในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม หากมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับในปริมาณ 1,000-1,200 มิลลิกรัม
    วิตามินดี : ผู้ที่มีอายุ 1-70 ปี ควรได้รับวิตามินดีในปริมาณ 600 IU หากอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับในปริมาณ 800 IU

นอกจากแคลเซียมและวิตามินดีแล้ว ยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและการพัฒนาของกระดูก เช่น โปรตีน ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสี วิตามินเค เป็นต้น


5 อาหารบำรุงกระดูก หาง่ายใกล้ตัว

การรับประทานอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการเป็นวิธีดูแลร่างกายง่าย ๆ ที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการสร้างกระดูกให้แข็งแรงเป็นอย่างมาก มาดูตัวอย่างอาหารบำรุงกระดูกที่เหมาะสำหรับคนทุกช่วงวัย ดังนี้

1.    ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็น

    ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นแหล่งวิตามินดีที่มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะปลาที่หาซื้อได้ง่าย เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นกรดไขมันจำเป็นอย่างกรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกอีกด้วย


2.    ผักใบเขียว

    ผักที่มีใบสีเขียวเข้มหลายชนิดอุดมไปด้วยแคลเซียม ไม่ว่าจะเป็นคะน้า บร็อคโคลี่ ผักกะเฉด ใบยอ ใบชะพลู หรือบ็อกฉ่อย อีกทั้งยังมีวิตามินเคซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนด้วย ซึ่งผักแต่ละชนิดจะให้แคลเซียมในปริมาณที่มากน้อยต่างกันไป ผู้บริโภคควรคำนึงถึงชนิดของผักและปริมาณในการรับประทานที่พอเหมาะร่วมด้วย เช่น ใบยอและใบชะพลูไม่ควรรับประทานในปริมาณมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดนิ่วในไตหรือในกระเพาะปัสสาวะได้


3.    ผลิตภัณฑ์จากนม

    สิ่งแรก ๆ ที่เรานึกถึงเมื่อพูดถึงแคลเซียมก็คงจะเป็นนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม อย่างชีสหรือโยเกิร์ต แต่จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังให้โปรตีน โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพกระดูกเช่นกัน ในปัจจุบันมีการเติมสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพิ่มมากขึ้นลงไปในนม เราจึงเห็นนมสูตรเพิ่มวิตามินดีหรือแร่ธาตุอื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภคนั่นเอง


4.    ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง

    เต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองล้วนเป็นผลผลิตของถั่วเหลืองที่มีโปรตีนอยู่ปริมาณมาก แต่แค่โปรตีนอาจไม่เพียงพอ นมถั่วเหลืองพร้อมดื่มจึงมีการเพิ่มเติมวิตามินดี แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ลงไป ซึ่งสามารถนำมารับประทานแทนนมสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดื่มนมหรือผู้ที่รับประทานมังสวิรัติได้


5.    ไข่

    หลายคนคุ้นเคยกับการรับประทานไข่ในเมนูต่าง ๆ เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่าไข่แดง 1 ฟองนั้นมีวิตามินดีถึง 40 IU โดยประมาณ ส่วนไข่ขาวจะอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง หากต้องการรับประทานมากขึ้น ควรพิจารณาอาหารชนิดอื่น ๆ ที่รับประทานร่วมกันในวันนั้นด้วย เนื่องจากไขมันบางประเภทอาจส่งผลต่อสุขภาพได้

สุดท้ายนี้ สุขภาพกระดูกและสุขภาพโดยรวมจะแข็งแรงไปพร้อมกันได้หากรับประทานอาหารครบทุกหมู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากการรับประทานอาหารบำรุงกระดูกแล้ว ที่สำคัญต้องไม่ลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพร่วมด้วย หากมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพกระดูก ความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูก หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับกระดูก ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างเหมาะสม

หน้า: [1] 2 3 ... 30
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google