ผู้เขียน หัวข้อ: หมอประจำบ้าน: สมองอักเสบ (Encephalitis)  (อ่าน 12 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 711
    • ดูรายละเอียด
หมอประจำบ้าน: สมองอักเสบ (Encephalitis)
« เมื่อ: 26 มิถุนายน 2025, 16:13:35 pm »
หมอประจำบ้าน: สมองอักเสบ (Encephalitis)

สมองอักเสบเป็นภาวะการอักเสบของเนื้อเยื่อสมอง ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ หรือจากภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ (ที่ไม่ใช่การติดเชื้อ) ภาวะนี้จัดเป็นภาวะทางการแพทย์ที่ร้ายแรงและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจส่งผลให้สมองเสียหายถาวร หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สาเหตุของสมองอักเสบ
สาเหตุของสมองอักเสบสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก:

สมองอักเสบจากการติดเชื้อ (Infectious Encephalitis):

ไวรัส (Viral Encephalitis): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด
ไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus: HSV): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดและรุนแรงที่สุดของสมองอักเสบในผู้ใหญ่
ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในเด็ก: เช่น ไวรัสไข้สุกใส (Varicella-Zoster Virus), ไวรัสคางทูม (Mumps Virus), ไวรัสหัด (Measles Virus)
ไวรัสที่มียุงเป็นพาหะ (Arboviruses): เช่น ไวรัสไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese Encephalitis Virus: JEV), ไวรัสเดงกี (Dengue Virus), ไวรัสซิกา (Zika Virus), ไวรัสนิปาห์ (Nipah Virus), ไวรัสเวสต์ไนล์ (West Nile Virus)
ไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Virus): เป็นสาเหตุที่อันตรายถึงชีวิต
ไวรัสเอชไอวี (HIV): อาจทำให้เกิดสมองอักเสบได้ในระยะท้าย
แบคทีเรีย (Bacterial Encephalitis): พบได้น้อยกว่าไวรัส และมักเกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) หรือการติดเชื้อในร่างกายส่วนอื่น
เชื้อรา (Fungal Encephalitis): พบน้อย ส่วนใหญ่มักเกิดในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ปรสิต (Parasitic Encephalitis): เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดโรคมาลาเรีย (Malaria), เชื้อท็อกโซพลาสมา (Toxoplasma gondii)
สมองอักเสบจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ (Autoimmune Encephalitis):

ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาโจมตีเซลล์สมองของตัวเองโดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจเกิดหลังจากมีการติดเชื้อบางชนิด (Post-infectious Encephalitis) หรือเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง (Paraneoplastic Encephalitis)
ตัวอย่างเช่น Anti-NMDA receptor encephalitis

อาการของสมองอักเสบ
อาการของสมองอักเสบอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรคและสาเหตุ แต่โดยทั่วไปมักมีอาการที่บ่งชี้ถึงการอักเสบของสมอง:

ไข้สูง: มักเป็นอาการนำ
ปวดศีรษะอย่างรุนแรง: ที่ไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวดทั่วไป
คอแข็ง: คล้ายอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
คลื่นไส้ อาเจียน:
สับสน มึนงง ซึมลง: หรือมีภาวะทางจิตที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เห็นภาพหลอน หลงผิด
ง่วงซึมผิดปกติ: อาจถึงขั้นโคม่าในรายที่รุนแรง
ชัก: เป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในเด็ก
กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเป็นอัมพาตครึ่งซีก:
ปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว: เช่น เดินเซ การทรงตัวผิดปกติ
ปัญหาเกี่ยวกับการพูดและการได้ยิน:
พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง: เช่น ก้าวร้าว หงุดหงิดง่าย
ในเด็กเล็กหรือทารก อาจสังเกตได้ยากขึ้น แต่อาจมีอาการ:

อาเจียน
กระหม่อมโป่งตึง (ในทารก)
ร้องไห้เสียงแหลมผิดปกติ
กินนมได้น้อย ซึมลง

การวินิจฉัย
การวินิจฉัยสมองอักเสบต้องอาศัยการตรวจหลายอย่างร่วมกัน:

ซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะสอบถามอาการโดยละเอียด ประวัติการเดินทาง การสัมผัสสัตว์ หรือการเจ็บป่วยอื่นๆ
การเจาะน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture / CSF Analysis): เป็นการตรวจที่สำคัญที่สุด เพื่อนำน้ำไขสันหลังไปตรวจหาเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเซลล์เม็ดเลือดที่บ่งชี้ถึงการอักเสบ
การตรวจภาพถ่ายสมอง (Brain Imaging):
MRI (Magnetic Resonance Imaging): เป็นการตรวจที่ละเอียดที่สุดในการดูการอักเสบหรือความผิดปกติในเนื้อสมอง
CT Scan (Computed Tomography): อาจใช้ในการตรวจเบื้องต้นเพื่อดูการบวมของสมอง หรือภาวะเลือดออก
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram: EEG): เพื่อตรวจจับคลื่นสมองที่ผิดปกติ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการอักเสบหรืออาการชัก
การตรวจเลือดและปัสสาวะ: เพื่อหาการติดเชื้อ หรือความผิดปกติอื่นๆ ในร่างกาย
การตัดชิ้นเนื้อสมอง (Brain Biopsy): ในบางกรณีที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ แพทย์อาจพิจารณาการตัดชิ้นเนื้อสมองไปตรวจ
การรักษา
การรักษาสมองอักเสบขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ:

การรักษาตามสาเหตุ:

สมองอักเสบจากไวรัส: มักจะใช้ ยาต้านไวรัส (Antiviral Drugs) เช่น Acyclovir สำหรับไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ หรือ Ganciclovir สำหรับไวรัส CMV
สมองอักเสบจากแบคทีเรีย: ใช้ ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
สมองอักเสบจากเชื้อราหรือปรสิต: ใช้ ยาต้านเชื้อรา (Antifungal Drugs) หรือ ยาต้านปรสิต (Antiparasitic Drugs)
สมองอักเสบจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ: อาจใช้ ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants) เช่น สเตียรอยด์ (Corticosteroids), หรือการให้สารภูมิต้านทานทางหลอดเลือดดำ (IVIG), หรือการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง (Plasmapheresis)
การรักษาประคับประคอง: เพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

การดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤติ (ICU): หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น มีปัญหาการหายใจ ความดันโลหิตต่ำ หรืออาการชัก
การใช้ยาแก้ปวดและลดไข้: เพื่อบรรเทาอาการ
ยาต้านอาการชัก: เพื่อควบคุมอาการชัก
ยาช่วยลดอาการสมองบวม: เช่น Mannitol
การให้สารน้ำและสารอาหาร:
การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด และอรรถบำบัด: ในระยะฟื้นตัว เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการเคลื่อนไหว การพูด และทักษะอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ

ภาวะแทรกซ้อน
สมองอักเสบอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเรื้อรังได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบและบริเวณที่สมองเสียหาย:

สมองเสียหายถาวร: ซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียนรู้ ความจำ พฤติกรรม หรือการเคลื่อนไหว
ภาวะชักเรื้อรัง (Epilepsy):
ปัญหาการพูดและการสื่อสาร:
ปัญหาการได้ยินหรือการมองเห็น:
กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออัมพาต:
ปัญหาเกี่ยวกับความจำและการเรียนรู้:
ปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์:
โคม่า หรือเสียชีวิต: ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก

การป้องกัน
การป้องกันสมองอักเสบทำได้โดย:

ฉีดวัคซีนป้องกันโรค: เช่น วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบเจอี (ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง), วัคซีนป้องกันหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR), วัคซีนป้องกันไข้สุกใส
ป้องกันตนเองจากยุง: สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใช้ยากันยุง หรือติดตั้งมุ้งลวด เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสที่มียุงเป็นพาหะ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์พาหะ: เช่น การสัมผัสสัตว์ป่า สัตว์จรจัด หรือการถูกสัตว์กัด เพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
รักษาสุขอนามัย: ล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย

หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการป่วย:
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่สงสัยว่าเป็นสมองอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ทันท่วงที ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

 

ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google